ส่องนโยบายทรัมป์ หุ้นกลุ่มไหนได้ประโยชน์

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1722419661927

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ทั่วโลกจับตามองทวีความร้อนแรงขึ้นต่อเนื่อง นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนถัดไปจะส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก การวางแผนจัดพอร์ทลงทุนในช่วงนี้ก่อนจะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงมีความสำคัญมาก

นับตั้งแต่ดีเบตครั้งแรก ตามมาด้วยเหตุการณ์ลอบยิง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะปราศรัยหาเสียง จนมาถึงการถอนตัวของ นายโจ ไบเดน พร้อมสนับสนุน นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันขึ้นเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ทวีความร้อนแรงและยากที่จะคาดเดา ซึ่งล่าสุดผลสำรวจชี้ว่าคะแนนนิยมของ นางกมลา แฮร์ริส และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แม้นางกมลาจะยังไม่ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการรวมถึงยังไม่มีการเปิดเผยนโยบายหาเสียง ในขณะที่นโยบายของทรัมป์ค่อนข้างมีความชัดเจนแล้ว 

 

โดยเราสามารถสรุปนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะส่งผลโดยตรงต่อภาพการลงทุน ได้ดังนี้ 

 

นโยบายด้านภาษี: ทรัมป์มุ่งมั่นจะปรับใช้อัตราภาษีเงินได้ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศจะลดภาษีนิติบุคคลจากระดับปัจจุบันที่ 21% ลงเป็น 20% และตั้งเป้าจะลดให้เหลือ 15% ในขณะที่ยังคงต่ออายุอัตราภาษีส่วนบุคคลที่ใช้ในปัจจุบัน โดยคงเพดานอัตราภาษีสูงสุดไว้ที่ 37% ในขณะที่ไบเดน เคยเสนอว่าจะปรับเพิ่มกลับไประดับเดิมที่ 39.6% ซึ่งการลดภาษีนิติบุคคลจะส่งผลบวกกโดยตรงต่อบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก 

 

นโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศ: เก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศ โดยเก็บจีนในอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 60% และจากประเทศอื่นๆในอัตรา 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศในวงกว้างโดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตามประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ประเทศอื่นคาดว่าจะได้รับผลกระทบในวงจำกัดและอาจได้อานิสงค์ในกรณีที่กำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความเข้มข้นขึ้น เช่น อินเดีย รวมถึงเวียดนามที่พบว่ามีการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่เวียดนามอย่างมีนัยยะในช่วงที่ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนมีความรุนแรง ซึ่งนางกมลา แฮร์ริส มีโอกาสที่จะยังคงดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศในทิศทางคล้ายคลึงกัน หากพิจารณาจากการที่โจ ไบเดน ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 

 

นโยบายด้านอื่นๆ : Trump มีแนวโน้มจะลดหย่อนกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ไม่จำเป็น (Deregulation) เอื้อให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการได้คล่องตัวขึ้น โดยในช่วงที่ทรัมป์ดำแรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 1 ได้มีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น การยกเลิกบางส่วนของกฏหมาย Dodd-Frank ที่ใช้ควบคุมภาคธนาคารอย่างเข้มงวดหลังเกิดวิกฤติ Subprime ซึ่งหากทรัมป์ยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายต่อไป กลุ่มหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายดังกล่าวมีแนวโน้มจะได้ประโยชน์ อย่างเช่น กลุ่มสถาบันการเงิน (Financial) ของสหรัฐฯ 

 

ความสัมพันธ์ของดัชนีหุ้นต่าง ๆ ในช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน 

1722419742251

ที่มา: Bloomberg, TISCO ESU

ในช่วงเวลาที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำคนสำคัญของโลกเริ่มหาเสียงด้วยนโยบายต่าง ๆ อย่างเข้มข้น จึงเป็นโอกาสสำคัญในการมองหาโอกาสการลงทุนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับนโยบายของผู้นำคนสำคัญของโลกคนต่อไป โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ไม่นับรวมจีน ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน  

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช

AFPT™ Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า