“Growth Stock” ready to take off !!! ถึงเวลากลับมาของหุ้นโตสูง

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1676029739304 1

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตสูง (Growth) ที่ร่วงแรงสุดในรอบ13 ปี จากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง แต่! ในปีนี้แรงกดดันดังกล่าวเริ่มลดลง ทำให้หุ้นกลุ่ม Growth กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในฐานะหุ้นราคาถูก ที่มีแนวโน้มทะยานขึ้น

ตามปกติแล้วหุ้นกลุ่ม Growth จะเติบโตเฉลี่ยอย่างน้อย 20%ต่อปี และเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในตลาดมาก จนมักทำให้มีการซื้อขายบนระดับราคาที่ค่อนข้างสูงจากความคาดหวังการเติบโตสูงในอนาคต โดยในช่วงปีที่ผ่านมาหุ้น Growth เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Information Technology) และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ถูกเทขายจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว จนกดดันมูลค่าหุ้นกลุ่ม Growth ให้ปรับตัวลง

เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าของหุ้น ยิ่งอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อัตราคิดลดก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นด้วย และเมื่อคิดย้อนกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันของหุ้นก็จะทำให้หุ้นมีมูลค่าลดลง โดยปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World Growth index ปรับตัวลงมากถึง 29% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 13 ปี(1)

ทำไมหุ้นเติบโตสูงจะกลับมาโดดเด่น ?

อย่างไรก็ตาม TISCO Wealth Advisory มองว่าแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 จะไม่เหมือนในปีก่อนอีกแล้ว เพราะปีนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ต่างจากปีก่อนที่เป็นการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 25bps และมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้งการประชุม (เดือนมี.ค. และพ.ค.) ในอัตรา 25bps ก่อนจะหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้เป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในระดับที่น่าพอใจ

เมื่อปัจจัยที่เคยกดดันหุ้น Growth อย่างหนักเริ่มเปลี่ยนทิศ แน่นอนว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับหุ้นกลุ่ม Growth โดยสังเกตได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เป็นตัวสะท้อนการคาดการณ์ต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเริ่มย่อตัวลง พร้อมกับหุ้นกลุ่ม Growth ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น

ต่างจากปีที่แล้วในช่วงที่ Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 2% ในช่วงต้นปี จนทะลุระดับ 4% ในปีก่อน

ภาพ: การเคลื่อนไหวของ MSCI World Growth Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

1676029832808 1

หุ้นเติบโตสูง...ราคาถูก (2)

นอกจากแรงหนุนของสถานการณ์ดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลงในปีนี้ หุ้นกลุ่มเติบโตสูง (MSCI world growth index) ยังมี Valuation ที่อยู่ในระดับที่ไม่แพงอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นผลจากการที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาต่อเนื่องจากปี 2020 ที่เคยซื้อขายในระดับ Forward P/E (12 เดือนข้างหน้า +2S.D.) ราว 45 เท่า จนปัจจุบันซื้อขายที่บริเวณค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 27 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่น่าสนใจสำหรับหุ้นกลุ่ม Growth…สะท้อนให้เห็นว่า การเข้าซื้อในจังหวะนี้ จะได้หุ้นที่มีราคาต่ำ

1676029969301 1

หุ้นเติบโตสูง... 10ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 14% (3)

หุ้นกลุ่ม Growth มักเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตไปพร้อมกับการดำเนินชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป เพราะหุ้นกลุ่มนี้เป็นธุรกิจที่มีสินค้าและบริการ ที่สอดคล้องกับความต้องการด้านเทคโนโลยี เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อย่างธุรกิจด้านความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ธุรกิจ Cloud Computing ประกอบด้วย Software as a Service, Platform as a Service, Infrastructure as a Service และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความแข็งแกร่ง จึงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูง มีงบการเงินที่ดี และมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรในระดับสูง

ซึ่งถ้ามองผ่านวิกฤตต่างๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2012 – 2022) จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มเติบโตสูง(MSCI world growth index) สามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นสูงถึง14% ต่อปี ในขณะที่หุ้นทั่วไป (MSCI World Index) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นราว 11% ต่อปี (ใช้วิธีคำนวณโดยนำเงินปันผลที่ได้รับมาลงทุนกลับ : Dividend re-invest)

ดังนั้น ในช่วงเวลาที่หุ้น Growth ได้รับแรงกดดันจนกลับมาซื้อขายในระดับที่ไม่สูงและแรงกดดันเริ่มคลี่คลายจึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

======================

 

ที่มา

1.-3. ข้อมูลจาก Bloomberg

======================

บทความล่าสุด

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า