Asia’s Growth is Getting Back

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1672997615884 1

ในปี 2023 ประเด็นความไม่แน่นอนของปีที่ผ่านมาน่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น หลังจากตลาดหุ้นหลายประเทศปรับตัวลดลงอย่างมากทั้งในปี 2022 โดยเกิดจากความกังวลในเรื่องของเงินเฟ้อและนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed ที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีความกังวลในเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหลักกดดันอัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มปรับลดคาดการณ์กำไรลงในหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ความกังวลทางด้านเงินเฟ้อในปีหน้าจะเริ่มลดลง หลังจากการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อในแต่ละประเทศที่ออกมาได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และจะเริ่มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 ทำให้ธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ อาจเริ่มกลับมาชะลอความร้อนแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและหันมาให้ความสำคัญกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง

สำหรับกลยุทธ์ส่วนหนึ่งของเรา มองว่าทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนในปี 2023 คือการเน้นลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสวนกระแสการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มจะ Outperform จะต้องเป็นตลาดหุ้นของประเทศที่เศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ในระดับที่สูง มีการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญคือ มี Valuation ที่อยู่ระดับต่ำเพียงพอที่จะทำให้เกิด Margin of Safety ในการลงทุน เช่น จีน และ เวียดนาม

IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2023 จะเติบโตได้ 4.4% จากการที่ภาครัฐเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid ของจีน ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกในปี 2023 ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2022 ดัชนี CSI 300 มี อัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E Ratio) อยู่ที่ 11.7 เท่า และ ดัชนี HSCEI มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E Ratio) อยู่ที่ 6.97 เท่า โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในจีนปี 2023 จะเติบโตกว่า 17% ซึ่งเห็นได้ว่าราคาปัจจุบันตลาดหุ้นจีนถือเป็นระดับที่ “Undervalue” และด้วยอัตราการเติบโตที่โดดเด่นของจีน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและกำไรที่กล่าวมา จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน

นอกจากนี้ IMF ยังได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2023 จะเติบโตได้ถึง 6.2% สูงที่สุดในอาเซียน โดยปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานลงมาจากจุดสูงสุดราว -32% และซื้อขายในระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E Ratio) ประมาณ 9 เท่า ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า -2 S.D. โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในเวียดนามปี 2023 ยังเติบโตได้ถึง +13.2% YoY สูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอาเซียน เมื่อพิจารณาจากสถิติดังกล่าว ประกอบกับ Valuation และ การเติบโตของกำไรต่อหุ้น ทำให้เรามองว่า ราคาหุ้นเวียดนาม ณ ระดับปัจจุบัน ถือเป็นระดับที่ “Undervalue” และมี “Margin of Safety” ที่สูงเพียงพอในการเข้าลงทุน

จากข้อมูลในข้างต้น มีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง ทั้งในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการที่ตลาดมี Valuation ที่ถูก จนเกิด “Margin of Safety” ซึ่งทำให้ทั้งจีนและเวียดนาม เป็นประเทศที่สามารถเติบโตสวนกระแสของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมีโอกาสฟื้นตัวและให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นได้ในปี 2023

 

======================

 

บทความโดย จตุรพร ระวิงทอง AFPT Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ Make Money Make Healthy ของ TNN

บทความล่าสุด

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า