Genomics กุญแจไขความลับสิ่งมีชีวิต พลิกโลกการลงทุน

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1629272377571 1

Genomics ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องซับซ้อนและไกลตัว แต่แท้จริงแล้ว Genomics เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากที่สุด เพราะเป็นการศึกษาองค์ประกอบต่างๆ ภายในตัวเราที่ทำให้มนุษย์แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน  และนำมาสู่การวินิจฉัยความผิดปกติของร่างกายและการรักษาที่มีประสิทธิภาพกว่าในอดีต Genomics จะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมวงการแพทย์ให้พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด และในขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ Genomics จะได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะกลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะพลิกโลกการลงทุนในอนาคต 

Genomics คืออะไร

Genomics เป็นการศึกษาเกี่ยวกับยีนหรือพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต และศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างยีนด้วยกันเอง และความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปร่างหน้าตา สีผิว สีผม รวมถึงพฤติกรรมของแต่ละคนที่แตกต่างกันล้วนมาจากลักษณะของยีนและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน และเมื่อเราเข้าใจในระบบพันธุกรรมทั้งหมดและความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม จะทำให้สามารถระบุถึงความผิดปกติในพันธุกรรมของแต่ละคนและสามารถบ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรคของแต่ละคนได้ด้วย

 และด้วยเทคโนโลยีของ Genomics จะทำให้สามารถรักษาโรคได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมทั้งในเรื่องของตัวยาและการจัดวางสิ่งแวดล้อมของแต่ละคน เป็นการรักษาโรคหรือความผิดปกติต่างๆ แบบ Personalized Medicine มากกว่าการให้ตัวยาชนิดเดียวกันในผู้ป่วยโรคเดียวกัน เนื่องจากในความเป็นจริง ผู้ป่วยโรคเดียวกัน อาจตอบสนองต่อยาต่างกันได้ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางคนสามารถหายได้จากการทำคีโม ในขณะที่บางคนร่างกายกลับทรุดลงหลังได้รับคีโมและสุดท้ายอาจเสียชีวิตด้วยคีโมในที่สุด

เทคโนโลยีที่ทำให้ Genomics มีความก้าวหน้ามากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

1) DNA Sequencing หรือการถอดรหัสพันธุกรรม เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจลักษณะเฉพาะของร่างกายแต่ละคนได้ การถอดรหัสพันธุกรรมที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2003 หลังจากใช้เวลากว่า 12 ปี ด้วยค่าใช้จ่ายถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในปัจจุบัน การถอดรหัสพันธุกรรมใช้งบไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ARK Invest ผู้บริหารกองทุนระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสมัยใหม่ ชี้ว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ในการถอดรหัสพันธุกรรม (Next Generation Gene Sequencing: NGS) ซึ่งสามารถถอดรหัสพันธุกรรมได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก จะทำให้ต้นทุนการถอดรหัสพันธุกรรมลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือเร็วกว่านั้น

 ค่าใช้จ่ายที่ถูกลงมากจะทำให้เราสามารถเข้าถึงการถอดรหัสพันธุกรรมได้ง่ายขึ้น และคาดว่าจะทำให้จำนวนการถอดรหัสพันธุกรรมเพิ่มขึ้นจากประมาณ 2.6 ล้านในปี 2019 เป็นกว่า 100 ล้านในปี 2024 การถอดรหัสพันธุกรรมสมัยใหม่ หรือ NGS จะทำให้สามารถระบุถึงความผิดปกติของร่างกายและความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมไปถึงสามารถหาแนวทางรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมตามแต่ลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยได้ เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ และผู้ป่วยโรคมะเร็ง 

2) CRISPR Gene-Editing เทคโนโลยีในการตัดต่อพันธุกรรม เป็นการแก้ไขยีนที่ผิดปกติได้อย่างตรงจุด โดย CRISPR เป็นระบบภูมิคุ้มกันของแบคทีเรียที่จัดการกับสาย DNA แปลกปลอมที่อาจเข้ามาจากไวรัส โดยมี CAS9 ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกรรไกรตัดส่วนที่เป็นสิ่งแปลกปลอมออกไป การค้นพบกลไกนี้ นำมาสู่เทคโนโลยีในการปรับ ตัด แต่งพันธุกรรม และในอนาคตอันใกล้ คาดว่าโรคทางพันธุกรรมจะสามารถรักษาให้หายขาดเป็นปกติได้ด้วย CRISPR/CAS9 และมีแนวโน้มว่าอาจจะประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้ด้วยซึ่งเทคโนโลยี CRISPR/CAS9 ทำให้ค่าใช้จ่ายในการตัดแต่งยีนต่ำลงกว่าในอดีตมาก จากประมาณ 5,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2013 เป็น 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018

3) Living Drugs เป็นยาหรือแนวทางการรักษาที่ใช้ประโยชน์จากภูมิคุ้มกันของร่างกาย Living Drugs เป็นที่รู้จักจากความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็ง เช่น การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (CAR T Cells) ที่นับเป็นจุดเปลี่ยนในการรักษาโรคมะเร็ง นอกจาก CAR-T cells ยังมี Living Drugs ที่นำไปรักษาโรคอื่นๆ ได้ด้วย โดยปัจจุบันมีเพียง 6 Living Drugs เท่านั้นที่ได้รับการรับรองจาก FDA และยังมีอีกกว่าหลายร้อย Living Drugs ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการคิดค้นพัฒนา วิธีการรักษาด้วย Living Drugs นี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่าการรักษาแบบดั้งเดิมพอสมควรแต่ยังถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากสามารถช่วยยืดอายุของผู้ป่วยได้หลายเท่าตัว 

โดยปัจจุบันการรักษาโดยใช้ CAR-T cells สำหรับมะเร็งระยะ 3-4 มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.7  หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และถ้าหาก CAR-T cells ได้รับการรับรองให้ใช้กับมะเร็งทุกระยะได้ คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และหากนับรวมถึง Living Drugs อื่นๆ ที่ได้รับการรับรองแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนเพื่อขอรับรองและนำออกมาใช้ คาดว่ามูลค่าตลาดของ Living Drugs จะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลในอนาคต

4) Bioinformatics เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตร่วมกับชีววิทยา ทำให้การเก็บรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจำลองกระบวนการทำงานทางชีววิทยาในคอมพิวเตอร์ได้แทนที่การดำเนินการจริงแบบในอดีต Bioinformatics เป็นอีกเทคโนโลยีที่จะทำให้การศึกษาวิจัยด้าน Genomics ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Genomics มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และนี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นับจากนี้ คาดว่าจะได้เห็น Genomics มีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังรุนแรง ทำให้นวัตกรรมทางการแพทย์ได้รับความสนใจและสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอย่างมาก และแน่นอนบริษัทหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย ARK คาดว่า การเข้าสู่ยุคของ Genomic จะสามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้หลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2024 และเราอาจไม่แปลกใจ หากวันนั้น หุ้นในกลุ่ม Genomics จะก้าวเข้ามาอยู่ในอันดับต้นๆ ของดัชนีหลักอย่าง S&P 500 และเมื่อนั้น Genomics จะไม่ใช่เรื่องไกลตัว ที่ยากจะเข้าใจสำหรับผู้ลงทุนอีกต่อไป 

 

===========================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่  Financial Planning  กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า