รัฐบาลจีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สร้างความหวังกลับเข้ามาในตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง ก่อนจะเผชิญแรงขายภายในเวลาอันรวดเร็ว เกิดเป็นคำถามว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และตลาดหุ้นจีนยังน่าลงทุนอยู่หรือ
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่เรียกว่า Pan’s Package ผ่านนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ GDP ของจีนขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 5% มาตรการที่ประกาศออกมา ได้แก่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน เหลือ 1.5% จาก 1.7% ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ลง 0.3% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ลง 0.20-0.25% ในขณะเดียวกันยังประกาศลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% พร้อมส่งสัญญาณลด RRR เพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ ยังมีการแจกเงินให้แก่กลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มเปราะบางเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ มีการปรับลดเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่ 2 เหลือ 15% จาก 25% และสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้าซื้อบ้านที่ขายไม่ออก โดยเพิ่มสัดส่วนการกู้ยืมเป็น 100% จากเดิม 60% เพื่อช่วยเหลือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ สำหรับในส่วนของตลาดทุน มีการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้นมูลค่า 8 แสนล้านหยวน โดยแบ่งเป็น swap program มูลค่า 5 แสนล้านหยวน สำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทประกัน) และ Re-lending Program มูลค่า 3 แสนล้านหยวน สำหรับบริษัทจดทะเบียนและผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กลุ่มเหล่านี้สามารถซื้อหุ้นเพิ่มในตลาดได้
หลังการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่นี้ ดัชนีหุ้นจีนอย่าง CSI300 ปรับตัวขึ้นกว่า +25% ภายในเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนจะถูกเทขายทำกำไรในช่วงต่อมา ทั้งนี้ เกิดจากความไม่มั่นใจของตลาดที่มองว่ามาตรการเหล่านี้ยังขาดความชัดเจนและอาจยังไม่เพียงพอในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว อีกทั้งที่ผ่านมาหน่วยงานท้องถิ่นยังขาดประสิทธิภาพในการดำเนินการตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความล่าช้าและการดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ยิ่งไปกว่านั้น การแถลงของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังการแถลงของ PBoC แม้จะเน้นย้ำความเป็นไปได้ของเป้าหมาย GDP ที่ 5% แต่ระบุว่าไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปียิ่งสร้างความผิดหวังให้แก่ตลาด ในขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจีนที่ออกมาแถลงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์ที่แล้วแม้จะมีการกล่าวถึงการขยายเพดานการขาดดุลงบประมาณและเพิ่มการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีการระบุวงเงินที่ชัดเจนยิ่งเป็นการตอกย้ำความผิดหวังและส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าทางการจีนจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆนี้หลังการประชุมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค.เสร็จสิ้น และด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ และหากพิจารณาที่อัตราการเติบโตทางกำไร (EPS Growth) ของบริษัทจดทะเบียนจีนในปีนี้ และปีหน้า 2025 พบว่ามีแนวโน้มเติบโตได้ราว 10.19% และ 13.02% ตามลำดับ หลังจากหดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ตลาดหุ้นจีนยังเป็นตลาดหุ้นที่ลงทุนได้ การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหน่วยงานต่าง ๆ ของจีนเป็นการเน้นย้ำว่าทางการจีนยังคงให้ความสำคัญจะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจให้กลับมามีเสถียรภาพในระยะยาว
อัตราการเติบโตทางกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของบริษัทจดทะเบียนจีน
บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™
Wealth Manager ธนาคารทิสโก้