เจาะลึกมหาอำนาจแห่งนวัตกรรมการแพทย์

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1626685789468

มหาอำนาจแห่ง “ธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์” ไม่ใช่ฉายา ที่ “สหรัฐอเมริกา” และ “จีน” จะได้มาแบบง่ายๆ อะไรที่ทำให้ทั้งสองประเทศ ก้าวขึ้นสู่จุดที่ควรค่าแก่การยอมรับ บทความนี้มีคำตอบ

ในช่วงปลายปี 2020 จนถึงไตรมาส 2/2021 เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจน ตลาดหุ้นถูกขับเคลื่อนจากความหวังด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ระยะยาว ปรับตัวขึ้นเร็วกว่าระยะสั้น Yield curve ชันขึ้นแบบ Bear steepening ซึ่งตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนสูงมาก

แต่ …งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เพราะหลังจากไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกน่าจะผ่านจุดสูงสุด และเข้าสู่โหมดที่เรียกว่า “ชะลอตัวลง” …ถ้าเป็นแบบนี้ สหรัฐฯ กับ จีนจะมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ? 

เจาะลึกเศรษฐกิจ จีน-สหรัฐฯ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก

ในสภาวการณ์นี้ ทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งนับว่าเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ก็มีทิศทางชะลอตัวทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศอื่น โดยจะเห็นได้จากคาดการณ์ของ  Bloomberg Consensus และ TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU) ที่ระบุว่า (1) 

– สหรัฐฯ : ซึ่งเป็นประเทศที่มีส่วนแบ่งในGDP โลก 24% นั้น คาดการณ์ว่าไตรมาส 2/2021 จะขยายตัวสูงที่ 8.1% และหลังจากนั้นจะเริ่มชะลอตัวลงในไตมาส 3/2021 อยู่ที่ 7% และไตรมาส4/2021 อยู่ที่ 4.6%

– จีน : ซึ่งมีส่วนแบ่งใน GDP โลก 16% คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2/2021 จะขยายตัวขึ้นไปอยู่ที่ 5.6% หลังจากนั้นในไตรมาส 3/2021 จะเริ่มขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.2% และ ไตรมาส 4/2021 อยู่ที่ 5.6%  

ไม่ใช่เพียงตัวเลขคาดการณ์ GDP เท่านั้น “คุณณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์” ผู้อำนวยการอาวุโส ที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) อธิบายเพิ่มว่า ยังมีสัญญาณที่สะท้อนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งพบได้จากหลายประเด็น  

ยกตัวอย่างเช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของBond yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 1.4-1.5% ซึ่งแสดงถึงการตอบรับต่อประเด็นด้านการลดการอัดฉีดสภาพคล่องจากมาตรการทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ต่อไปอีกว่า ช่วงปี2022 Fed อาจมีการทยอยปรับลด QE อย่างต่อเนื่อง จากระดับปัจจุบันที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนเหลือศูนย์ ในไตรมาส 1/2023

นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ข้อมูลตัวเลขภาคการผลิต (ISM) ของสหรัฐในเดือนมี.ค. ซึ่งทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ40 ปี  และกำลังเริ่มตัวปรับลดลง ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนถึงการปรับตัวลดลงทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยจากภาวะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง (ดัชนี ISM สูงกว่า 50 จุดแต่เป็นขาลง) ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนลดลง และหุ้นกลุ่ม Defensives หรือ กลุ่มที่ผลประกอบการค่อนข้างเสถียร และไม่แปรผันตามวัฏจักร เศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี (Info Tech) กลุ่มธุรกิจการทางการแพทย์ (Health Care) และกลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) จะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด (2)

2 มหาอำนาจแห่งนวัตกรรมการแพทย์

องค์การอนามัยโลก (3)  ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าประเทศสหรัฐฯ และจีน นับว่ามีอัตราการเติบโตของกลุ่มธุรกิจการทางการแพทย์ ในช่วง 5 ปี และ 10 ปีเป็นอันดับต้นๆของโลก

ไม่เพียงเท่านี้ ทั้งสหรัฐฯ และจีน ยังมีการลงทุนในเรื่องการวิจัยยาใหม่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยที่สหรัฐฯยังถือเป็นอันดับ 1 ที่มีเม็ดเงินลงทุนในการวิจัยยาตัวใหม่ๆ สูงถึงเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ขณะที่จีนก็กำลังตามมาติดๆ ด้วยเม็ดเงินลงทุน ส่วนของการวิจัยยากลุ่มใหม่อยู่ที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (4)   

1626686205425

“คุณณัฐกฤติ”  กล่าวว่า การวิจัยที่เกิดขึ้นนี้ จะส่งผลให้ทั้งสองประเทศมีโอกาสเพิ่มตัวยา และวัคซีนใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดได้มากขึ้นด้วย โดยจะเห็นได้จากที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐฯ และ จีน ถือสิทธิบัตรยาด้านไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งหากเจาะลึกในรายละเอียดเพิ่มขึ้น จะพบว่าในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา (1999-2017) ประเทศจีนมีความก้าวหน้าด้านการสร้างยาชนิดใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง โดยปี 2013 นับเป็นปีที่จีนมีสิทธิบัตรยาใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 7 พันรายการ ขณะที่สหรัฐฯได้ก็เดินหน้าผลิตตัวยาใหม่เช่นกัน  โดยในปี 2017 เป็นปีที่มีสิทธิบัตรยาใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดประมาณ 6 พันรายการ (5)

กลุ่ม Biotechnology นับได้ว่ามีความน่าสนใจมากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่ม Healthcare โดยหาก ประเมินจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของธุรกิจ Biotech ในสหรัฐฯ ก็จะพบว่าอยู่ที่ 84% สูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอัตราผลตอบแทน Healthcare ทั้งกลุ่ม ซึ่งอยู่ที่ 58% (6)”  

1626686626627

TBIOTECH นวัตกรรมการแพทย์ฝั่งสหรัฐฯ

หากอ่านมาถึงตรงนี้ และสนใจ ธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์สหรัฐฯ “คุณวรสินี เศรษฐบุตร” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ แนะนำให้เลือก กองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ (TBIOTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) โดยกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก 

อย่างไรก็ตามหากเจาะลึกในตัวกองทุน จะพบว่า TBIOTECH เป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค (Diagnostics) และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences Tools) ทั่วโลกผ่านกองทุน Polar Capital Funds plc – Biotechnology ชนิดหน่วยลงทุน I US Dollar (กองทุนหลัก) โดยในTBIOTECH ได้ลงทุนในบริษัทที่น่าสนใจหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น Biogen ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นยาอัลไซเมอร์เป็นเจ้าแรก ที่ชื่อว่า Aduhelm ซึ่งได้รับอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA)แล้วเป็นยาตัวแรกในรอบเกือบ 20 ปี (7) นอกจากนี้ BIOGEN ยังมียาอีกหลายชนิด เช่น ยารักษาหลอดเลือด รวมถึงยาที่เกี่ยวข้องกับประสาทวิทยาอีกมากที่อยู่ในขึ้นตอนทดลอง 

นอกจากนี้กองทุนดังกล่าว ยังลงทุนใน บริษัท Regeneron ซึ่งมีตัวยารักษาเกี่ยวกับโรคตา ความดันตา และเบาหวานขึ้นตา รวมถึงยารักษาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง ผื่นคัน โรคหอบหืด ริดสีดวงใจจมูก ซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวอเมริกัน และบริษัทนี้ยังเป็นบริษัทยาที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลือกใช้ในช่วงติดเชื้อโควิดอีกด้วย (8)

UCHI นวัตกรรมการแพทย์ประเทศจีน

ในฟากฝั่งของมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจ และประเทศผู้มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ ในกลุ่มBiotech “คุณวรสินี” เลือก กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เฮลท์แคร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCHI) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) โดยกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก 

ทั้งนี้ UCHI เป็นกองทุนรวมตราสารทุน เน้นลงทุนในธุรกิจเฮลธ์แคร์ ของประเทศจีนผ่านกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นซึ่งมีความเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากการพัฒนานวัตกรรมด้านเฮลธ์แคร์ (Healthcare Innovation) ของประเทศจีน  ซึ่งเกี่ยวเนื่องหรือได้รับประโยชน์จากการพัฒนานวัตกรรมด้านเฮลธ์แคร์ของจีน เช่น การพัฒนาและค้นคว้าด้านเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ การบริหาร สถานพยาบาล การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบไอทีด้านการดูแลสุขภาพ เป็นต้น โดยUCHI มีบริษัทที่น่าสนใจ คือ  บริษัท Cansino Biologics ผู้ผลิตวัคซีนโควิดแบบเข็มเดียว และแบบชนิดสูดดม ซึ่งจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีด เพราะสามารถเข้าไปในเรื่องระบบทางเดินหายใจได้โดยตรง และยังทำให้ใช้ปริมาณวัคซีนน้อยกว่าการฉีดถึง 5 เท่า 

นอกจากนี้บริษัทยังมีการพัฒนาวัคซีนอีก 16 ชนิด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ไข้สมองอักเสบ ปอดอักเสบ และที่สำคัญก็คือ บริษัทนี้มีจุดโดดเด่นในเรื่องสภาพคล่อง เพราะสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สองแห่ง (Dual Listing) คือ ตลาด A-Share และ H-Share ได้ (9) อีกบริษัทหนึ่งก็คือ Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronic ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ของจีน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เด่นก็คือ เครื่องช่วยหายใจ “Mindray” ที่ได้รับการยอมรับจนสามารถจำหน่ายในโรงพยาบาลชั้นนำของสหรัฐฯได้ โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ 40% ส่วนอีก 60% ขายในประเทศ (10)

ทั้งนี้ กองทุน TBIOTECH และ UCHI  อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 2 กด 4

บทความโดย : นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และ นางวรสินี เศรษฐบุตรผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้

===================================

ข้อมูลอ้างอิง

1.Bloomberg Consensus , TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

2.TIPS ฉบับที่ June 2021 Issue o71 หน้า 10

3.The World Health Organization “Growth rate of top 5 largest Healthcare market” , as of 12/31/2018/ update on 04/07/2020 , retrieved 03/31/2021 

4.IMS Market Prognosis “Global top 10 Pharmaceutical Spending in 2018” , Retrieved on 03/31/2021 

5.World Intellectual Property Organization , as of 12/31/2018, Retrieved on 03/31/2021

6.Ycharts 

7.https://www.fda.gov › news-events › press-announcements , June 07, 2021

8.https://www.cnbc.com/2020/11/21/covid-treatment-fda-authorizes-regeneron-drug-used-by-trump.html

9. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย)

10. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย)

หากคุณสนใจกองทุนรวม ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ คลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

===================================

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า