กระแสโลกหนุน ลงทุนหุ้นกลุ่ม “Clean Energy” เมกะเทรนด์ 3D พลังงานโลก

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1668397301097 1

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง และกำลังเข้าสู่ภาวะ Recession การลงทุนในหุ้นจึงต้องเลือกหุ้นกลุ่มที่สามารถช่วยลดความเสี่ยง มีปัจจัยเร่งจากเหตุการณ์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ และมีการเติบโตที่ชัดเจนในระยะยาวอย่างการลงทุนในธีม Megatrends 3D ซึ่งประกอบไปด้วย Demographics, Decarbonization และ Deglobalization ซึ่งในที่นี้ จะขอกล่าวถึงกลุ่ม Decarbonization ที่น่าจับตามองในตอนนี้

Decarbonization ถือเป็นเป้าหมายที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป และจีน เนื่องจากต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องมลพิษ สร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy) อย่างยั่งยืนในอนาคต

ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการจัดหาพลังงาน ราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้วิกฤตการขาดแคลนพลังงานทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียจำนวนมาก จึงต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้หลายประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ โดยมีการเร่งการลงทุนและพัฒนาการใช้พลังงานสะอาด ที่มีต้นทุนการผลิตถูกลงตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ดังแผนภาพที่ 1) ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ

แผนภาพที่ 1: ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดถูกลงอย่างมีนัยสำคัญด้วยเทคโนโลยี

1668397568071 1

ที่มา : International Renewable Energy Agency (IRENA)

ล่าสุด สหภาพยุโรป (EU) ได้เสนอแผน REPowerEU มูลค่า 2.1 แสนล้านยูโร (ราว 2.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) มีเป้าหมายว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะลดการใช้ก๊าซจากรัสเซียทั่วทั้ง EU ลงกว่า 66% และจะเลิกพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียโดยสิ้นเชิงก่อนปี 2027 โดยจะเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ขณะที่สหรัฐฯ เอง ก็ได้ผ่านร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act ที่มีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานกว่า 369,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้ง ยังมีเป้าหมายในการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emission Targets) ในหลายประเทศตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ภายในปี 2050 และจีนภายในปี 2060 ซึ่งคาดว่า จะเร่งการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน 

ทั้งนี้ ทางสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) คาดว่า กำลังการผลิตพลังงานสะอาดระหว่างปี 2019 – 2024 จะขยายตัวถึง 50% และการลงทุนด้านพลังงานสะอาดจะเกิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2022 ซึ่งคิดเป็นเกือบ 3 ใน 4 ของการเติบโตด้านการลงทุนในพลังงานทั้งหมด โดยการลงทุนในพลังงานสะอาดสูงสุดปีนี้อยู่ที่จีนจำนวน 380,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วย EU ที่ 260,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสหรัฐฯ ที่ 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

ปัจจุบัน ส่วนแบ่งของพลังงานสะอาดคิดเป็น 26% ของพลังงานไฟฟ้าโลก โดย IEA คาดว่า ส่วนแบ่งของพลังงานสะอาดจะเพิ่มเป็นกว่า 30% ของพลังงานไฟฟ้าโลก ภายในปี 2024 จากต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ลดลง และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น และคาดว่า ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดทั่วโลกจะเติบโต 1,200 กิกะวัตต์ (GW) เทียบเท่ากับกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของสหรัฐฯ

หากดูในแง่ของ Valuation ของหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดก็ยังไม่แพง โดย Forward P/S of S&P Global Clean Energy Index (as of Oct 18, 2022) อยู่ที่ประมาณ 1.76 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีเล็กน้อยที่ 1.79 เท่า และสามารถทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น ย้อนหลัง 3 ปีที่ราว 68% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 Energy Index และดัชนี MSCI World Energy ซึ่งเป็นพลังงานแบบดั้งเดิมให้ผลตอบแทนราว 49% และ 24% ตามลำดับ

รวมถึงหลายบริษัทในกลุ่มพลังงานสะอาด ก็ได้รับอานิสงส์จากการขาดแคลนพลังงานของประเทศทางฝั่งยุโรปเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น บริษัท Enphase Energy ผู้ผลิตแผงโซลาร์แบบ Microinverter ได้รับรายได้จากยุโรปใน Q2’22 เพิ่มขึ้นกว่า 69% QoQ เช่นเดียวกับบริษัท Solaredge Technologies ผู้ผลิต Inverter สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของโลก มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 52% QoQ อยู่ที่ 727.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จะเห็นได้ว่า วิกฤตด้านพลังงานและการรุกรานยูเครนของรัสเซียกำลังกระตุ้นให้หลายประเทศตระหนักถึงการลงทุนในพลังงานสะอาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดที่ราคาหุ้นยังไม่แพง และเป็นหนึ่งใน Megatrends 3D ของโลกที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต อีกทั้งยังตอบโจทย์สำหรับแผนการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณอีกด้วย

======================

 

บทความโดย วิภาดา ศุภกุลวณิชย์ AFPT Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ Global Wealth Strategy ของ กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า