“Wealth Creation” สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ด้วยธุรกิจ Megatrends

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1645150835799

ปัจจุบันกระแสการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Megatrends หรือเรียกว่า “Megatrend Investment” ได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากภาพการเติบโตในระยะยาวที่ชัดเจนและผลตอบแทนการลงทุนที่น่าจูงใจ

ในอีกมุมหนึ่ง ชีวิตของเราก็เปรียบได้เป็นอีกหนึ่ง Megatrend สังเกตได้จากสื่อทั่วโลกให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องการวางแผนการเงินและการวางแผนการเกษียณเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก เพราะด้วยแนวโน้มอายุขัยเฉลี่ย (Life Expectancy) ของคนทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคต จากหลายปัจจัย อาทิ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ และเทรนด์การรักสุขภาพที่มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2050 อายุขัยเฉลี่ยของประชากรทั่วโลกจะมีอายุอยู่ที่ 77 ปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 66.20 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2000 ดังนั้น การวางแผนเกษียณแบบเดิมๆ จึงอาจจะไม่ตอบโจทย์ด้านความเพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่ยาวนานขึ้น

โดยการวางแผนเกษียณที่เพียงพอ และครอบคลุมช่วงชีวิตที่ยาวนานขึ้นนั้น ควรวางแผนให้เป็นไปตามเทรนด์โลกแบบ “Megatrend Retirement Planning” ซึ่งควรให้ความสำคัญทั้งเรื่องของการปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) แบบ Megatrend Protection และการเพิ่มมั่งคั่ง (Wealth Creation) ผ่านการลงทุนในรูปแบบ “Megatrends Investment”

สำหรับการเพิ่มความมั่งคั่งในรูปแบบ “Megatrends Investment” นั้นสามารถออกแบบพอร์ตการลงทุนโดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Megatrends อาทิ Innovative Healthcare, Esports, Cloud Computing และ Cyber Security เป็นต้น เพราะบริษัทในกลุ่ม Megatrends เหล่านี้เติบโตขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยและการพัฒนาขึ้นของเทศโนโลยี

ซึ่งพอร์ตการลงทุนสำหรับการวางแผนการเงินนี้เป็นการวางแผนการลงทุนในระยะยาวที่เหมาะกับการลงทุนใน Megatrends เป็นอย่างมาก เนื่องจากในแง่ของธุรกิจ บริษัทกลุ่มนี้อาจต้องใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนาที่มากในช่วงแรกเพื่อให้สินค้าและบริการของบริษัทมีการใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ส่งผลให้ในช่วงแรกราคาหุ้นอาจมีความผันผวนสูงในระยะสั้น แต่ด้วยความผันผวนนี้เองที่จะช่วยเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนสามารถทยอยลงทุนในบริษัทและเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น และสุดท้ายแล้วการเติบโตเหล่านี้จะสะท้อนเข้ามาในผลประกอบการและราคาหุ้นของบริษัท

โดยเหตุการณ์นี้มีตัวอย่างให้เราเห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างมากมาย อาทิ หุ้น Amazon และ Apple ที่เริ่มจากเป็นบริษัทเล็กๆและมีการปรับตัวเข้ากับรูปแบบพฤติกรรมของคน อีกทั้งมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาๆ ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงราว 10 ปีเท่านั้น โดย Amazon ปรับตัวเพิ่มจาก 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น เป็นกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น และหุ้นของ Apple ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราว 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น เป็นราว 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตทบต้นเฉลี่ย (CAGR) +32.4% และ +28.2% ต่อปี ตามลำดับ

แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้เราจะมีการวางพอร์ตการลงทุนไว้อย่างดีเพื่อเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวแล้ว เราก็จำเป็นที่จะต้องมีการดูแลและใส่ใจว่าพอร์ตการลงทุนนั้นจะยังสามารถเติบไปตามที่เราคาดหรือไม่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วอาจทำให้ Megatrends ในบางอุตสาหกรรมถูก Disrupt ได้ อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่ม E-commerce ซึ่งถูกผู้เล่นรายใหม่อย่างธุรกิจในกลุ่ม Social Media เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบัน อีกทั้งตลาด E-commerce ที่เริ่มอิ่มตัวจากการคาดการณ์ของ eMarketer โดยตลาด E-commerce มีอัตราการเติบโต +25.7% YOY ในปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตเหลือเพียง +9.0% YOY ในปี 2025 จึงทำให้การลงทุนในธุรกิจที่โดน Disrupt อย่าง E-commerce อาจไม่ได้น่าสนใจอย่างในอดีต

จะเห็นได้ว่า การวางแผนการเงินโดยเอาหุ้นในกลุ่ม Megatrends เข้ามาผสมในพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว จะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้ แต่เราก็จำเป็นที่จะต้องติดตามข้อมูล ตลอดจนปรับปรุงแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายในอนาคตอย่างยั่งยืน

โดย วิศรุต จารุอนันตพงษ์ AFPT

Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

———————————————————————————– 

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า