การวางแผนจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการวางแผนชีวิต เช่นเดียวกับการวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งโรคร้ายแรงที่คนไทยเป็นจำนวนมาก ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคเบาหวาน โดยกลุ่มโรคมะเร็งเป็นโรคที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของคนไทยมากที่สุด
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2561 เปิดเผยว่า คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ วันละ 381 คน หรือ 139,206 คนต่อปี และเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง วันละ 230 คน หรือ 84,073 คนต่อปี อ้างอิงจากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขข้อมูลปี 2562 โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยมากที่สุดในคนไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวาร มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบเคมีบำบัดในประเทศไทยของมะเร็งตับจะอยู่ที่ราว 773,000 บาท หรือมะเร็งเต้านมที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบเคมีบำบัดโดยประมาณอยู่ที่ 2,108,000 บาท ซึ่งถือว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายในการเข้าพักรักษาตัวแบบผู้ป่วยในที่ต้องจ่ายอีก โดยระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยสำหรับการรักษามะเร็งปอดจะอยู่ที่ 6 วัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายสูงสุดที่ 425,000 บาท
นอกจากนี้ ในต่างประเทศยังมีการรักษามะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (Non-small Cell Lung Cancer; NSCLC) ด้วยวิธี Immunotherapy ผ่านการใช้ยา Keytruda ของบริษัท Merck อีกทั้งยั้งมีการใช้ยาชนิดนี้รักษาร่วมกับการรักษาแบบเคมีบำบัด ส่งผลให้มีผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก็สูงขึ้นเช่นกัน โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ยา Keytruda แบบให้ยาทุกๆ 3 สัปดาห์ จะอยู่ที่ราว 330,000 บาท ต่อ 1 โดส ยิ่งไปกว่านั้น ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งชนิดต่างๆ ยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อเนื่องอยู่ที่ราว 100,000 – 400,000 บาท อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า ค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษาโรคร้ายแรงนั้น อยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งหากในอนาคตมีการอนุมัติให้ใช้ยาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในไทยก็จะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงินที่ไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก อาจส่งผลให้ไม่สามารถเลือกยาเหล่านั้น เพื่อนำมาใช้รักษาอาการป่วยต่างๆได้ ดังนั้น การวางแผนจัดการความเสี่ยงดังกล่าวให้ครอบคลุมความเป็นไปได้ในการรักษาจะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หนึ่งในทางเลือกสำหรับการวางแผนป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สามารถทำได้ง่ายและทรงพลัง นั่นคือการใช้ประกันภัยชนิดคุ้มครองโรคร้ายแรงที่มีความคุ้มครองครอบคลุมหลากหลายกลุ่มโรค ประกันชนิดนี้จะช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงในการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลสำหรับโรคร้ายแรงได้ดีและตอบโจทย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งประกันชนิดคุ้มครองโรคร้ายแรงบางบริษัทสามารถต่ออายุได้สูงสุดถึงอายุ 98 ปี ซึ่งครอบคลุมช่วงอายุหลังเกษียณที่เป็นวัยที่ไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว
อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารความเสี่ยงอย่างมาก โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงโรคร้ายแรงอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกินที่มีการใช้สารเคมีมากขึ้น รวมถึงมลพิษต่างๆ ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ ดังนั้น การวางแผนจัดการความเสี่ยงด้านโรคร้ายแรงตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญมากต่อการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
ทั้งนี้ หากต้องการคำปรึกษาด้านการทำประกันที่เหมาะสมกับตัวเอง รวมถึงเลือกซื้อประกันตัวท็อปแบบไม่จำกัดค่าย สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ โทร 02-633-6060 หรือหากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] ครับ
====================================================
เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Invest in Health ใน Wealthy Thai