FDA สหรัฐฯ กลับมาอนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี ( FDA คือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ) โดยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนยาที่ได้รับอนุมัติจาก FDA เพิ่มขึ้นถึง 100% โดยเฉพาะปี 2023 ที่ FDA มีการอนุมัติยาสูงสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ 55 รายการ และมากที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2001 เป็นรองแค่ในปี 2018 และ สัดส่วนยาที่ถูกอนุมัติที่เป็นยากลุ่ม Biological มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 1 ใน 5 ของยาที่ถูกอนุมัติในทศวรรษ 2000 เป็น 1 ใน 3 ในยุคปัจจุบัน
จะเห็นได้ว่าจำนวนยาที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อรายได้ของบริษัท Biotech ไปในทิศทางเดียวกัน โดยรายได้ของกลุ่ม Biotech 10 ปีย้อนหลัง มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 13% ต่อปี มากที่สุดในกลุ่ม Healthcare ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนการอนุมัติยาในกลุ่ม Biologics License Applications (BLA) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น ยารักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ในโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด ยารักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง เป็นต้น โดยหนึ่งในกลุ่มยาที่มีนวัตกรรม Biotechnology เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอย่าง GLP-1 ที่เป็นยาเอาไว้รักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนมียอดขายตั้งแต่ปี 2016 เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่า และ 25 เท่า ตามลำดับ
โดยยา GLP-1 ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือยาของบริษัท Eli Lilly ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA เมื่อปี 2022 และผ่านการอนุมัติกระบวนการรักษาเมื่อเดือน เดือน พ.ย. 2023 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมาราคาหุ้น Eli lilly (LLY) ให้ผลตอบแทนสูงถึง 60% ซึ่งยอดขายและรายได้ของกลุ่มยาดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติที่เผยแพร่รายงาน IDF Diabetes Atlas ในปี 2021 ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากถึง 537 ล้านคน มากกว่า 90% เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกือบครึ่งหนึ่งยังไม่ได้รับการวินิจฉัย และคาดว่าภายในปี 2030 จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และ ภายในปี 2045 จะเพิ่มมากขึ้นถึง 783 ล้านคน จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทที่ผลิตยากลุ่มนี้มีแนวโน้มที่รายได้จะเติบโตตามผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
โดยธรรมชาติราคาหุ้นกลุ่ม Biotechnology เป็นหุ้นกลุ่มเติบโตที่มีซื้อขายในราคา Premium เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก ซึ่งในปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่ม Biotechnology มีการซื้อขายในราคา Discount จากดัชนีหุ้นโลกราว 8% ในขณะที่ Valuation ในหลาย Sector ที่ตึงตัว อย่างกลุ่ม Technology อาจส่งผลให้เกิด Sector rotation มายังกลุ่ม Biotechnology ที่มากขึ้นได้
กลุ่ม Biotechnology จึงเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจในการลงทุน จากแนวโน้มการเติบโตของจำนวนยาที่ผลิตและได้รับการอนุมัติมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการเติบโตระยาวในอนาคต ในขณะที่หุ้นอย่างกลุ่ม Technology ที่อยู่ในโซนราคาแพง ทำให้หุ้นกลุ่ม Biotechnology มี Upside จากการที่ Valuation มี Discount จากหุ้นโลก จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการลงทุนในกลุ่มนี้
บทความโดย จตุรพร ระวิงทอง AFPT™
Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้