ทั้งนี้ จากตารางที่ 1 นักลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเปรียบเทียบและคัดเลือกลงกองทุนลดหย่อนภาษีได้ แต่ยังไม่สามารถเจาะจงถึงประเภทสินทรัพย์ที่ควรเลือกตามอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ เนื่องจากขาดข้อมูลผลตอบแทนในอดีตช่วยเป็นตัวชี้วัด ดังนั้นหากนำรูปแสดงอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีดังภาพข้างล่างนี้มาปรับใช้ร่วมกับตารางที่ 1 จะสามารถช่วยให้นักลงทุนคัดเลือกกองทุนลดหย่อนได้ง่ายและเหมาะกับตนเองมากขึ้น โดยแบ่งนักลงทุนตามความเสี่ยงได้ 2 แบบ ดังนี้
หมายเหตุ : Avg. หมายถึงค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของสินทรัพย์ , Max หมายถึงผลตอบแทนมากที่สุดในรอบ 10 ปี, Min หมายถึงผลตอบแทนน้อยสุดในรอบ 10 ปี
Source: TISCO Wealth Advisory, Bloomberg
1.นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง
SSF และ RMF : แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นและทองคำเป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นโลกเพราะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ระดับ +9.62% ต่อปี แต่ในขณะเดียวกันก็มีความผันผวนที่มากสังเกตได้จากปี 2018 และ 2022 ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง -8.92% และ -17.95%
ThaiESG : มีข้อจำกัดการลงทุนโดยสามารถเลือกลงทุนได้เฉพาะตราสารหนี้และหุ้นในประเทศไทย ดังนั้นหากรับความเสี่ยงได้สูง หุ้นไทยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมจากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีก็อยู่ในระดับ +4.85% ต่อปี ใกล้เคียงกับทองคำ
2.นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
SSF และ RMF : แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทยเพราะอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ในระดับ +2.87% ต่อปี และในตลอดระยะเวลา 10 ปีให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกปี สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนที่ต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและกังวลความผันผวนของตลาด
ThaiESG : แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งหุ้นกู้ในไทยและพันธบัตรรัฐบายไทยตามเงื่อนไขของกองทุน โดยหากนักลงทุนเสี่ยงต่ำต้องการลงทุนในไทยเป็นหลักอยู่แล้วควรเลือกซื้อ ThaiESG เป็นอันดับแรกเพราะระยะเวลาการถือครองที่สั้นสุดเพียง 5 ปี
บทความโดย โดย กิตติธัช เหล่าขจรบุญ AFPT™
Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้