ธุรกิจ Innovative Healthcare ที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะในอนาคต

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1617962599216

ในอดีตนักลงทุนมักจะคุ้นเคยกับการลงทุนหุ้นอุตสาหกรรม Healthcare ในรูปแบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ ETF ที่จะให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนและเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง

ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มบริษัทยาขนาดใหญ่ (Pharmaceuticals), กลุ่มสถานบริการทางการแพทย์และประกันสุขภาพ (Healthcare Providers & Services), กลุ่มเครื่องมือแพทย์ (Healthcare Equipment & Supplies)

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนระยะยาวที่ไม่ได้แตกต่างจากตลาดมากนัก ทั้งๆ ที่เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เจาะธุรกิจ Innovative Healthcare ที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะในอนาคต

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่สร้างผลตอบแทนอย่างโดดเด่นให้กับนักลงทุน ไม่ใช่เป็นเพียง “การกระจายการลงทุนในกลุ่มหุ้น Traditional Healthcare ที่ประสบความสำเร็จในอดีต” แต่เป็น “การมุ่งเน้นลงทุนเฉพาะกลุ่ม Innovative Healthcare ที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะในอนาคต” มีศักยภาพในการเติบโตสูง สามารถสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อมาตอบโจทย์การรักษาผู้ป่วยในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี อาทิ

กลุ่ม Biotechnology ที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเข้ามามีบทบาทในกระบวนการผลิตยาเพื่อรักษาโรคร้ายแรงชนิดต่างๆ ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของผู้ป่วยจำนวนทั่วโลก เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคแพ้ภูมิตนเอง ตลอดจน Rare Diseases ที่มีกลุ่มผู้ป่วยเป็นตลาดเฉพาะ เช่น โรค Cystic Fibrosis เป็นต้น

กลุ่ม Genomics ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการถอดรหัสพันธุกรรม การตัดต่อยีน การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด รวมถึงการนำ AI และ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมและหาแนวทางการรักษาผู้ป่วยได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

กลุ่ม Digital Health ที่เกี่ยวข้องกับบริการ Telehealth การใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องมือการตรวจโรค หุ่นยนต์ผ่าตัดและอุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ประเภทต่างๆ

เปรียบเทียบผลตอบแทน Innovative Healthcare – Traditional Healthcare

โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (as of 22/1/2021) การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Innovative Healthcare สามารถสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างและเอาชนะการลงทุนกลุ่ม Traditional Healthcare ได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น กองทุน Polar Capital Fund plc – Biotechnology Fund +56.81%, CS (Lux) Digital Health Equity Fund +105.94%, ARK Genomic Revolution ETF (ARKG) +227.53% ในขณะที่ Healthcare Select Sector SPDR Fund ให้ผลตอบแทนเพียง +15.65% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เรามองว่า การเติบโตของหุ้นในกลุ่ม Innovative Healthcare ยังอยู่เพียงในระยะเริ่มต้นเท่านั้น จึงยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะปรับพอร์ตจากกลุ่ม Traditional Healthcare มาลงทุนกลุ่ม Innovative Healthcare เพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาวไปกับอุตสาหกรรมการแพทย์

บทความโดย : ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPT™ Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

ล๊อค Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล๊อค Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า