ทิสโก้เปิด 3 ปัจจัยกดดันลงทุนปี 66 อยากรอด! ต้องซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ หุ้นเฮลธ์และเทคโนโลยี

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1672211989969 1

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้เปิด 3 ปัจจัยกดดันหุ้นปี 2566 “เศรษฐกิจ-ถดถอย-เงินเฟ้อลงช้ากว่าคาด-ธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกจ่อถอนสภาพคล่อง” แนะลดน้ำหนักลงทุนในหุ้น ซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ และหากดัชนีหุ้น S&P500 ลงมาต่ำกว่า 3600 จุด ให้ทยอยซื้อหุ้นเฮลธ์แคร์ และหุ้นเทคโนโลยีรับผลตอบแทนเด่น

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปี 2565 เป็นจังหวะที่่นักลงทุนควรปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง และไม่ได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังมีอยู่มาก พร้อมกับแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งให้ผลตอบแทน (ยิลด์) ที่ราว 3.8% ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนส่วนจากกำไรจากการตีราคา (Capital gain) เพิ่มอีก หากบอนด์ยิลด์เริ่มกลับมาลดลงในปีหน้า ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ สกุลเงินดอลลาร์ สูงถึง 6-8% ซึ่งมากว่าผลตอบแทนที่ได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ประเมินเป้าหมายดัชนี S&P500 ปี 2566 ไว้ที่ 4000 จุด

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น สามารถรอจังหวะเข้าทยอยสะสมอีกครั้งเมื่อดัชนี S&P 500 ลงมาต่ำกว่า 3600 จุด โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่กำไรไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจและโตได้ในระยะยาว และหุ้นเทคโนโลยีที่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก และมีแนวโน้มฟื้นตัวในภาวะที่ Bond Yield เป็นขาลงในปี 2566

“ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวน์ขึ้นมาราว 15% จากจุดต่ำสุดของปี และค่า P/E ของตลาดกลับมาเทรดในระดับค่อนข้างสูงที่ราว 18 เท่า โดยเป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ได้ผ่านจุดสูงสุดและลดลงมาอยู่ที่ระดับราว 7% และทำให้ตลาดเริ่มมีความหวังว่าปัญหาเงินเฟ้อจะคลี่คลายลง และ Fed จะสามารถกลับมาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ในปี2566 ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาว แต่ยังมีหลายปัจจัยลบที่นักลงทุนอาจหลงลืมไปทำให้ประเมินตลาดในเชิงบวกเกินไป” นายคมศรกล่าว

อย่างไรก็ดี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้  มองว่า ตลาดหุ้นในปี 2566 ยังมีความเสี่ยงจาก 3 ปัจจัยหลัก ที่นักลงทุนอาจคาดไม่ถึงหรือหลงลืมไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจฉุดให้ตลาดลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่ง ได้แก่

หนึ่ง ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย โดยตัวชี้วัดต่างๆ เริ่มสะท้อนภาพเศรษฐกิจถดถอยที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เช่น Yield curve ของสหรัฐฯ ที่ติดลบต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี และดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่พลิกกลับมาอยู่ในแดนหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ในขณะที่นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ จะยังเติบโตต่อเนื่องในอัตราราว 7% ในปีหน้า ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและเป็นความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์จะต้องปรับประมาณการผลกำไรลดลงอีกมากในปีหน้า

สอง ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะลดลงช้ากว่าที่คาด โดยปัจจุบันตลาดคาดว่าจะเห็นเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลงไปอยู่ระดับ 3% ในช่วงปลายปีหน้า แต่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่ามีโอกาสที่เงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่านั้น เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อทางด้านค่าจ้าง ซึ่งยังขยายตัวในระดับสูงถึง 5% ต่อปี ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ยังตึงตัว และเงินเฟ้อในหมวดที่อยู่อาศัยที่ยังขยายตัวสูงถึง 7% ต่อปี ซึ่งหากเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงไปอยู่ที่ 3% ปลายปีหน้าตามที่ตลาดคาด ความหวังที่จะได้เห็น Fed กลับมาลดดอกเบี้ยปีหน้านั้นก็จะเป็นไปได้ยาก และทำให้ตลาดหุ้นที่ปัจจุบันเทรดที่พีอีค่อนข้างสูง ก็มีโอกาสที่จะปรับฐานอีกครั้ง

สาม ความเสี่ยงจากการถอนสภาพคล่องของธนาคารกลาง โดยในปัจจุบัน Fed เป็นธนาคารกลางหลักเพียงแห่งเดียวที่ถอนสภาพคล่องออกจากตลาดในอัตรา 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน แต่ในปีหน้าธนาคารกลางอื่นๆ เช่น ธนาคารกลางยุโรป และอังกฤษ จะเริ่มดำเนินการถอนสภาพคล่องไปพร้อมกับ Fed ด้วย ซึ่งทำให้ภาวะสภาพคล่องในปีหน้ามีแนวโน้มตึงตัวขึ้นมากกว่าปีนี้และเป็นความเสี่ยงที่จะผันผวนต่อเนื่อง

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า