ตราสารหนี้ ถึงเวลาต้องมีในพอร์ต

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1668392013481 1

การลงทุนในปีนี้ นับว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมากจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ เพื่อควบคุมความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง ภายใต้สถานการณ์นี้ การลงทุนในหุ้นยังคงมีความผันผวนสูง แต่สำหรับตราสารหนี้ เรามองว่า นี่คือโอกาสในการลงทุน

ผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) เป็นสิ่งที่สะท้อนความคาดหวังของตลาดที่มีต่อแนวโน้มการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง โดยล่าสุด Fed มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 3.00 – 3.25% นอกจากนั้นตลาด (Dot Plot) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงระดับสูงสุด (Terminal Rate ) ที่่ 4.75% ในช่วงต้นปีหน้า แต่หากมองที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ล่าสุดปรับตัวขึ้นไปที่ระดับประมาณ 4.5% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 4% นั่นแปลว่า Bond Yield ในระดับปัจจุบันได้สะท้อนความคาดหวังของตลาดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปพอสมควรแล้ว และมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะปรับตัวลงในปีหน้าตามอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่า จะเริ่มชะลอตัวลงหลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 9.1% เมื่อเดือนพฤษภาคม และปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 8.2% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

หากพิจารณาจากระดับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ขึ้นแซงดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วและแนวโน้มที่จะย่อตัวลงในระยะข้างหน้า ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้กลับมาน่าสนใจ เนื่องจากโดยปกติผลตอบแทนของตราสารหนี้จะแปรผกผันกับราคาของตราสารหนี้ นั่นหมายความว่า หากลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนเริ่มปรับตัวลง จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในแง่ส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ที่อัตราผลตอบแทนที่ 4% นี้ เท่ากับเป็นการล็อคผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ระดับ 4% ด้วยเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในตราสารหนี้ยังมีส่วนช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้ด้วย เนื่องจากมีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งหากลงทุนในรูปแบบกองทุนตราสารหนี้ก็จะมีความสม่ำเสมอในแง่กระแสเงินสด

โดยตราสารหนี้ที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และมีอายุของตราสารในระดับปานกลางถึงยาว ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะปรับตัวลงในระยะข้างหน้า

แผนภาพที่ 1: US10Y มีแนวโน้มจะปรับตัวลงในระยะข้างหน้าหลังผ่านจุดสูงสุดที่ 4%

1668392211038 1

Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (ESU)

======================

 

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ Financial Planning ของ กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

ล๊อค Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล๊อค Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า