เศรษฐกิจโลกฟื้น หุ้นกลุ่ม EM มาแรง แซงหุ้นโลก

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1717568948631

เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยนโยบายเริ่มกลับทิศเป็นขาลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นกลุ่มหุ้นที่มักให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่าหุ้นโลก

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั่วโลก (Global Composite PMI) ตัวบ่งชี้สำคัญถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ขยายตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 และล่าสุดเดือนมีนาคม 2567 ดัชนี Global Composite PMI อยู่ที่ 52.3 จุด (PMI สูงกว่า 50 จุด เป็นระดับขยายตัว) สะท้อนว่าเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัว นั่นหมายความว่ากำลังซื้อหรือความต้องการในการบริโภคของโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้กลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งเป็นกลุ่มที่พึ่งพิงการส่งออกเป็นหลักได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยตรง

กลุ่มประเทศ Emerging มีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งผลิตและส่งออกสินค้าเทคโนโลยียุคใหม่ของโลก เช่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ประเทศต้นน้ำในสายการผลิตสินค้ากลุ่ม Semiconductor เป็นกลุ่มประเทศที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ในขณะเดียวกันการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวก็เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น บราซิล และเม็กซิโก

นอกจากนี้ ในช่วงที่จีนยังมีความไม่แน่นอนทั้งในแง่ความสัมพันธ์ทางการค้าและความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐ และจีนกับไต้หวัน ทำให้มีการกระจายห่วงโซ่อุปทานโยกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีความใกล้เคียงกับจีนในแง่ของทรัพยากรแรงงานและทรัพยากรด้านอื่นๆ ซึ่งกลุ่มประเทศ Emerging เป็นเป้าหมายสำคัญในการกระจายห่วงโซ่อุปทานนี้

สำหรับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ Emerging เอง พบว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลก โดยมีการคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2025-2026 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ Emerging มีแนวโน้มจะเติบโตได้เฉลี่ยราว 4% ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะเติบโตราว 3%

หากมองที่ระดับราคาของหุ้นกลุ่ม Emerging Market จะพบว่ายังซื้อขายในระดับราคาที่ถูกกว่าหุ้นโลกพอสมควร และถูกกว่าระดับที่เคยซื้อขายในอดีตโดยเปรียบเทียบ โดยปัจจุบัน กลุ่ม Emerging Market ซื้อขายที่ระดับ Fwd PE 13 เท่า ขณะที่หุ้นโลก (MSCI World Index) ซื้อขายที่ระดับ Fwd PE 19.4 เท่า หมายความว่ากลุ่ม Emerging Market ซื้อขายถูกกว่าหุ้นโลกราว 33% ซึ่งเมื่อเทียบกับข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่าช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นกลุ่ม Emerging Market จะซื้อขายด้วยราคา Discount จากหุ้นโลกเพียง 25% หรือต่ำกว่า หรือคิดเป็น upside กว่า 10% จากระดับปัจจุบัน

ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว หุ้นกลุ่ม Emerging Market เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของกลุ่มที่เน้นการส่งออก ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ

 

ช่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ตลาดหุ้นกลุ่ม EM มักปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดหุ้นโลก

1717569199397

ที่มา: Bloomberg, TISCO Wealth Advisory

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™

Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า