กลยุทธ์การลงทุน ท่ามกลางภาวะสงคราม

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1648177873035 1

นับตั้งแต่รัสเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศทำสงครามกับยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์   เป็นเวลากว่า      2 สัปดาห์แล้ว ที่ทั่วโลกจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในวงกว้าง รวมถึงภาพการลงทุนด้วย

จากสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ ฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับราคาทองคำที่พุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งนับเป็นจุดที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และหากรัสเซียและยูเครนยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่า ตลาดหุ้นจะยังคงได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างต่อเนื่อง และเป็นการยากหากจะคาดการณ์ว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า ยากที่จะคาดการณ์เช่นเดียวกันว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงได้ถึงจุดใด

อย่างไรก็ตาม เราอาจพอประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ณ ขณะนี้ได้ว่า แม้รัสเซียดำเนินการทางการทหารเพื่อกดดันยูเครน พร้อมกับการเจรจาต่อรองข้อเรียกร้องต่างๆ โดยการรุกคืบเข้าไปทางด้านตะวันออกของยูเครนที่มีชายแดนติดกับรัสเซีย เริ่มจากแคว้นลูฮันสก์  (Luhansk) และ โดเนตสก์ (Donetsk) มาจนถึงเมืองเคอร์ซอน ของยูเครน ซึ่งนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทัพเข้าไปโจมตีเมืองอื่นๆ ของยูเครนได้ แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในแง่ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นนี้ยังจำกัดอยู่ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้เข้าแทรกแซงในแง่เศรษฐกิจและการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น แต่เรายังไม่เห็นการจัดทัพเพื่อเข้าร่วมสงครามที่ชัดเจนเท่าใดนัก ดังนั้น โอกาสที่สงครามครั้งนี้จะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นสงครามโลกยังคงค่อนข้างจำกัด

ท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังไม่สิ้นสุด สถานการณ์ความคืบหน้าที่ออกมาปรับเปลี่ยนรายวัน หรือบางช่วงอาจเป็นรายชั่วโมง ดังนั้น การวางแผนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้อาจไม่ง่ายนัก แต่หากพิจารณาจากเหตุการณ์ในอดีตจะพบว่า ในช่วงระหว่างที่มีสงครามเกิดขึ้นนั้น แม้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงจากความกังวล แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อสงครามยุติ ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวกลับขึ้นมาสูงกว่าจุดเดิมก่อนที่จะมีสงครามเสียอีก และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงที่มีการบุกรุกหรือโจมตีอย่างหนักหน่วงมักเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงถึงจุดต่ำสุด และหากสามารถจับจังหวะตรงนี้ได้ ก็นับเป็นเป็นโอกาสที่สำคัญในการลงทุนเลยทีเดียว แต่แน่นอนคงไม่มีใครสามารถตอบได้ชัดเจนว่า การบุกรุกถึงจุดใดที่จะเรียกว่าหนักหน่วง จนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวถึงจุดต่ำสุดในช่วงนั้นได้ แต่เราสามารถพิจารณาได้จากระดับราคาของหุ้นหรือดัชนีต่างๆ ว่า มีความเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนแล้วหรือยัง

ซึ่งจากเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครนนี้ เราพบว่า ล่าสุด ดัชนีหุ้นในแต่ละประเทศปรับตัวลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย ณ วันที่ 8 มี.ค. Fwd P/E ของดัชนี S&P 500 ปรับลงมาอยู่ที่ประมาณ 18.3 เท่า ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุดในกลุ่ม Developed Market ด้วยกัน ทำให้ Fwd P/E ของ STOXX600 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 12.7 เท่า  และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี NIKKEI225 มี Fwd P/E ที่ 14 เท่า และ TOPIX มี Fwd P/E 11.7 เท่า ซึ่งระดับราคานี้ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจลงทุนมาก และหากสงครามยุติลง กลุ่มประเทศเหล่านี้จะยังเป็นกลุ่มที่สามารถ Outperform ได้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า นโยบายทางการเงินของประเทศเหล่านี้ที่เดิมมีท่าที่เข้มงวดขึ้นในปีนี้ มีแนวโน้มจะผ่อนคลายลงได้จากปัจจัยสงครามยูเครน-รัสเซีย และหากไล่เรียงจากความถูกแพง จะพบว่าตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากกว่าสหรัฐฯ ณ ระดับราคานี้

ท่ามกลางภาวะสงคราม หากเราวางแผนการลงทุนอย่างระมัดระวัง และเลือกลงทุนจากปัจจัยสนับสนุนที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตของประเทศหรือกลุ่มธุรกิจนั้นๆ ในระดับราคาที่เหมาะสม จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ทลงทุนได้ โดยเฉพาะเมื่อสงครามยุติลง

1648177945283 1

แผนภาพที่ 1: การเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในช่วงที่มีสงคราม

ที่มา: TISCO ESU

โดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช  AFPT™

 Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

—————————————————

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า