ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สภาพภูมิอากาศทั่วโลกมีความแปรปรวนสูงขึ้นและก่อให้เกิดปัญหาภัยธรรมชาติมากมาย ทั้งปัญหาภาวะโลกร้อน น้ำท่วม ไฟป่า ฯลฯ รัฐบาลทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การเซ็นข้อตกลงร่วมกันในระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและควบคุมระดับอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น Paris Agreement ในปี 2015 การลงนามข้อตกลงเหล่านี้ ได้ส่งผลให้ทั่วโลกเกิด “Energy Transition” ต้องมีการจัดหาแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อมาทดแทนพลังงานรูปแบบดั้งเดิมที่ก่อให้เกิดมลพิษ
เทรนด์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจาก BloombergNEF ในปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า เม็ดเงินการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ สัดส่วนราว 49% ของเม็ดเงินลงทุนเหล่านี้มาจากประเทศจีน ที่ได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนสูงถึงระดับ 5.46 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าการลงทุนของสหรัฐและยุโรปถึง 3-4 เท่าตัว สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของโลกอย่างเต็มตัว และทำให้อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีน เป็นหุ้น Megatrend กลุ่มใหม่ที่น่าสนใจลงทุน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ตลาดพลังงานสะอาดของจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก : จีนถือเป็นประเทศที่ “ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก” โดยมีปริมาณการบริโภคพลังงานต่อปีที่มากเทียบเท่ากับปริมาณน้ำมัน 3.6 พันล้านตัน เป็นผลมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ก้าวกระโดดขึ้นจนกลายเป็นมหาอำนาจของเศรษฐกิจโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผลที่ตามมาก็คือ จีนเองกลายเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในประเทศประสบปัญหาด้านมลพิษที่สูงมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน สัดส่วนการใช้พลังงานของจีนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก กล่าวคือ จีนมีสัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิลที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ สัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ห่วงโซ่การผลิตพลังงานสะอาดทั้งโลกกว่า 80% อยู่ที่ประเทศจีน โดยหากพิจารณากำลังการผลิตทั้งหมดในปัจจุบัน จะพบว่าจีนเป็นประเทศที่มี “กำลังการผลิตพลังงานสะอาดที่สูงสุดในโลก” ด้วยกำลังการผลิต 140 กิกกะวัตต์ มากกว่าสหรัฐฯ ยุโรปราว 4 เท่าและมากกว่าอินเดีย 7 เท่า
ด้วยความแข็งแกร่งทั้งในด้าน Demand ที่เพิ่มขึ้นตามเทรนด์หลักของโลกและ Scale การผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกของประเทศจีน ได้ส่งผลให้บริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนมีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิต จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพลังงานสะอาดระดับโลก ทั้งในกลุ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และธุรกิจพลังงานลม
2. นโยบายรัฐบาลจีนสนับสนุน ความเสี่ยงด้าน Regulation ต่ำ : หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาเลือกอุตสาหกรรมลงทุนในตลาดหุ้นจีน นั่นก็คือ “นโยบายของภาครัฐ” เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมที่รัฐบาลจีนมีการออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมการดำเนินธุรกิจ ได้รับผลกระทบจาก Regulation ทำให้บริษัทเหล่านั้นมีผลประกอบการที่ชะลอตัวลงอย่างมากและถูกนักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่องจนมีผลตอบแทนที่แย่กว่าตลาด (Underperform)
ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด กลับได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ เปรียบเสมือน “ลมใต้ปีก” ที่คอยพัดหนุนอุตสาหกรรมให้เติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืน เห็นได้จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี (China Five-year plan) ฉบับที่ 14 ที่รัฐบาลจีนได้ประกาศเป้าหมายระยะยาวว่า จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2060 โดยภาครัฐจะมีบทบาทในการสนับสนุนเงินทุนให้กับธุรกิจพลังงานสะอาดและมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศและลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากประเทศอื่น
สิ่งเหล่านี้สะท้อนเข้ามาในราคาหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดของจีน ซึ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวชนะดัชนีตลาดหุ้นจีน (Outperform) อย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้จากผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี (2020-2022) ของดัชนี Solactive China Clean Energy อยู่ที่ระดับ 31% ต่อปี เหนือกว่า ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีของตลาดหุ้นจีนอย่างดัชนี MSCI China ซึ่งติดลบเฉลี่ยถึงปีละ -7.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน
3. Valuation กำลังซื้อขายอยู่ในระดับที่น่าสนใจ : ด้วยแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ชัดเจนตาม Megatrend โลก ไม่ผันผวนขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างมองว่า หุ้นกลุ่ม “China Clean Energy” เป็นหุ้นสไตล์ “Defensive growth” ที่รายได้และกำไรมั่นคง โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงานสะอาดของจีนในปี 2023 จะเติบโตได้สูงถึง 29% YoY มากกว่าอัตราการเติบโตโดยรวมของหุ้นจีนในดัชนี MSCI China ที่ระดับ 22% YoY ปัจจุบัน Valuation ของหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดของจีนซื้อขายกันที่ระดับ Forward PE เพียงแค่ 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 22.3 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดจากค่าเฉลี่ยที่มากถึง 19%
จะเห็นได้ว่า แม้ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่เข้าสู่ภาวะ Recession อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ตลอดจนเกิดปัญหาความกังวลในภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯและยุโรป แต่โอกาสในการลงทุนยังคงมีอยู่เสมอ เราเชื่อว่า การกระจายการลงทุนไปยังประเทศจีน ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว ด้วยการเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Megatrend อย่างกลุ่ม “พลังงานสะอาด” ในจังหวะที่หุ้นมี Valuation ที่ไม่แพง จะเป็นกลยุทธ์ที่สามารถฝ่าฟันความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว
เผยแพร่ครั้งแรกที่ เพจ TNN Wealth
โดย ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPTTM
Wealth Manager ธนาคารทิสโก้