หุ้นกลุ่มเติบโต หรือ “Quality Growth” คือกลุ่มที่ได้รับแรงกดดันตลอดปีที่ผ่านมา จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้สถานการณ์จะพลิกผัน กลายเป็นหนังคนละม้วน …นั่นก็เป็นเพราะหุ้นกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าหุ้นโลกชัดเจน และมีแนวโน้มรายได้เติบโตดี สวนทางตลาดหุ้นโลก จนทำให้น่าเลือกเข้าพอร์ต ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ?!?
อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ในปีก่อน ได้กดดันตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth) อย่างหนัก เห็นได้จาก MSCI ACWI Growth Index ถูกเทขายถึง 29% ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในปีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป …!!! เพราะผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก ได้ปรับตัวสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกอย่างชัดเจน อีกทั้งรายได้ของหุ้นกลุ่มนี้ก็มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นอย่างมาก ทำให้ธนาคารทิสโก้มองว่า เดือนเม.ย.นี้ จะเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มเติบโต
ปัจจัยบวกที่ว่านี้ น่าสนใจขนาดไหน ?!?
ผลตอบแทนหุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก...สูงกว่าตลาดหุ้น
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หุ้นกลุ่มเติบโตทั่วโลก สามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมได้สูงกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นโลกเกือบ 1 เท่าตัว ในช่วงไตรมาส1 ปีนี้ !!!
รายได้หุ้นกลุ่ม Growth ทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตชนะตลาด
ไม่เพียงเท่านี้หุ้นกลุ่มเติบโตยังมีความน่าสนใจในเรื่องของราคาอีกด้วย โดยจะเห็นได้จาก MSCI ACWI Growth Index ที่มี Forward P/E ที่ประมาณ 24 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ประมาณ 29 เท่า ถึง 20%
และที่สำคัญคือหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งเคยได้รับแรงกดดันจากดอกเบี้ยจนทำให้ราคาปรับตัวลง จะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่ดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่วัฏจักร (Cycle) สูงสุด และมีแนวโน้มปรับลดลงในระยะข้างหน้า …ดังนี้ นี่จึงทำให้หุ้น Growth มีโอกาสกลับมา Outperform ได้เร็วกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้เอง จึงทำให้ธนาคารทิสโก้ แนะนำให้ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Quality Growth กลุ่มหุ้นที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น และมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งหุ้นเหล่านี้อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม มีกระแสเงินสดสูง เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หรืออาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มหุ้น Quality Growth ทั่วโลก
============
ที่มา
1.Bloomberg (As of 5 April 2023)