Thematic ลงทุนเฉพาะทางยังไงให้เข้าใจ Megatrend

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1719471933352

การลงทุนแบบ Thematic เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นการเลือกลงทุนในธีมหรือแนวโน้มที่คาดว่าจะมีการเติบโตในอนาคตเป็น “เมกะเทรนด์” ซึ่งเป็นเทรนระยะยาวมากกว่า 10 ปี ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์และเปลี่ยนวิถีการทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก โดยครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมละหลายภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับธีมนั้นๆ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้จะสร้างโอกาสทางการลงทุนให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและเอาชนะทุกช่วงสภาวะเศรษฐกิจได้ เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีทางการแพทย์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด หรือ สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เป็นต้น

ทำไมถึงจึงต้องลงทุนแนว Thematic?

1. การเชื่อมโยงกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

การลงทุนในธีมที่เกี่ยวข้องการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว อย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความผันผวนมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของของประชากรผู้สูงอายุจนเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธีมเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น เช่น การลงทุนในธีมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริการทางสุขภาพและการแพทย์หรือเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผู้สูงวัย

2. โอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมเกิดใหม่

การลงทุนแบบ Thematic ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสในตลาดเกิดใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือยังไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปมากนัก การมองหาธีมใหม่ๆ ที่สามารถนำพาไปสู่การลงทุนในบริษัทหรือภาคส่วนที่มีศักยภาพสูง อย่างเช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ ไฮโดรเจน ที่จะกลายเป็นอีกพลังงานทางเลือกในอนาคตที่ยังไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก

3. โอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้นจากการเติบโตสูงในระยะยาว

การลงทุนในธีมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงได้ในระยะยาวทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเหล่าจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจของโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยใช้เวลาการลงทุนนานกว่าการลงทุนโดยทั่วไป แต่จะให้ผลตอบแทนอย่างมากเมื่อตลาดจะรับรู้ถึงศักยภาพและกลายเป็นกระแสหลัก เช่น ธีมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เห็นความชัดเจนมากขึ้นในปัจจุบัน

ข้อควรระวังและความเสี่ยงในการลงทุน Thematic

การลงทุน Thematic อาจมีความผันผวนทางด้านราคาสูง เนื่องจากเป็นการลงทุนที่กระจุกตัวเฉพาะกลุ่ม แม้ว่าลงทุนในธีมเหล่านี้อาจให้ผลตอบแทนที่สูงเมื่อธีมได้รับความนิยมและกลายเป็นที่แพร่หลายจากตลาดจนประสบความสำเร็จ แต่ก็สามารถนำไปสู่การขาดทุนอย่างมีนัยยะสำคัญได้หากไม่เป็นไปตามที่คาดเนื่องจากการคาดการณ์อย่างถูกต้องว่าเมื่อไหร่ธีมที่เราเลือกลงทุนจะเริ่มออกดอกผลให้ตลาดรับรู้ศักยภาพของการเติบโต เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เช่น พลังงานสะอาดถูกการยอมรับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตมาอย่างยาวนานและทุกๆประเทศทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงพลังงานดั้งเดิมไปใช้พลังงานทดแทน แต่อย่างไรก็ตามพลังงานสะอาดช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความซบเซาหรือขาดทุนเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะได้รับแรงผลักดันมากพอกว่าที่ตลาดจะเห็นมูลค่าและให้ผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งอาจทำให้การลงทุนในธีมเหล่านี้ ต้องใช้ความอดทนและใช้ระยะเวลายาวนานกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิม จึงต้องพิจารณาแนวโน้มการตอบรับของตลาดและเทคโนโลยีที่มีความเป็นไปได้สำหรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดความผันผวนและบรรเทาความสูญเสียหากไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

การลงทุนแบบ Thematic จึงเป็นการลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มระยะยาว มีการเติบโตเป็น“เมกะเทรนด์” ในอนาคต ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง และอาจใช้เวลาลงทุนยาวนานกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม แต่ก็มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างมาก หากแนวโน้มเป็นไปตามที่คาดหวัง นักลงทุนจะต้องศึกษาธีมเพื่อให้เข้าใจและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในลักษณะนี้ เพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวและลดการสูญเสียหากไม่เป็นไปตามที่คาด

บทความโดย จตุรพร ระวิงทอง AFPT™

Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า