จังหวะเพิ่มหุ้นช่วงตลาดกลัว Recession เกินจริง

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1723774067948 1

แม้ Fed ให้สัญญาณว่าจะพิจารณาเรื่องลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบการประชุมเดือนกันยายนนี้ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับตอบรับในเชิงลบอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจสำคัญอย่างดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่หดตัวแรงกว่าคาดและอัตราว่างงานที่เร่งตัวขึ้นมาที่ 4.3% เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่า Fed ลดดอกเบี้ยช้าเกินไปจนเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession ได้ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น, เกาหลีใต้และไต้หวัน หรือแม้ฝั่งสหรัฐอเมริกาเองที่ราคาปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดีความกังวลดังกล่าวอาจมากเกินความจริงเพราะยังน้ำหนักของข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาอาจยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิด Recession ดังนั้น การปรับฐานของตลาดหุ้นดังกล่าวอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นที่จะมีมูลค่าเหมาะสมครั้งหนึ่งในปีนี้

ประการแรกข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดยังไม่ได้น่ากังวลเท่าที่ตลาดตอบสนองในปัจจุบัน โดยข้อมูลล่าสุดไม่ได้แย่ไปมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่หลังวิกฤตโควิด เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ แม้จะออกมาหดตัวที่ 46.8 จุด แต่ยังอยู่ในช่วงระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2023 ถึง 5 ใน 12 เดือนแต่ GDP ของสหรัฐฯ ก็ยังไม่เคยติดลบแม้แต่ไตรมาสเดียวในปีนั้น ขณะที่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. ที่แม้จะออกมาเพียง +1.14 แสนตำแหน่งซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +1.75 แสนรายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อดูค่าเฉลี่ย 3 เดือนย้อนหลังที่ผ่านมาก็ยังอยู่ที่ +1.7 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงกับระดับ +1.5 แสนรายที่ปกติ Fed เริ่มพิจารณาลดดอกเบี้ยดังเช่นในอดีต อีกทั้งเดือน ก.ค. รัฐเท็กซัสเผชิญพายุเฮอริเคนเบอรีลซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การจ้างงานในเดือนนี้ลดลงชั่วคราวเท่านั้น 

ประการต่อมาผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นบนแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะดีกว่าช่วงเวลาอื่น โดยผลตอบแทนเฉลี่ย 12 เดือนของดัชนี MSCI World ในปีที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ยนโยบายและไม่เกิด Recession ภายใน 12 เดือนจะอยู่ที่ 10.4% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทน 12 เดือนในช่วงเวลาอื่นนับตั้งแต่ปี 1989 – 2023 อยู่ที่ 6.5% เท่านั้น เหตุผลมาจาก Earning Yield Gap ของตลาดหุ้นสูงขึ้นช่วงดอกเบี้ยลง โดย Earning Yield Gap (EYG) หรือ ส่วนต่างของอัตรากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเป็นตัวอ้างอิง ซึ่งปกติหุ้นจะต้องมี EYG เป็นบวกเพราะจะสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนที่หวังผลตอบแทนจากหุ้นที่มีความเสี่ยงจากการลงทุนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้นเมื่อ Fed ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้ตราสารหนี้มีผลตอบแทนลดลง จะช่วยให้ EYG เพิ่มขึ้นแม้อัตรากำไรของหุ้นเท่าเดิม โดย EYG ของ MSCI World ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาที่ 2.28% ซึ่งสูงที่สุดในรอบปีนี้ ดังนั้น ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานลงจากความกังวลเรื่อง Recession เกินไปแต่กำไรอาจไม่ได้ลดลง ยิ่งทำให้ EYG สูงขึ้นและตลาดหุ้นมีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้นด้วย 

และปัจจัยสุดท้ายนักวิเคราะห์ยังประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้ามาตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.5% นำโดยตลาดหุ้นฝั่งเอเชียที่นักวิเคราะห์มีปรับประมาณการกำไรถึง 6.5% และแม้กระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ตลาดกังวลเรื่อง Recession ก็ยังมีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นราว 6% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาด้วยและหากพิจารณาเป็นตลาดหุ้นรายประเทศที่มีการปรับประมาณการกำไรโดดเด่นตั้งแต่ต้นปีนั้น ได้แก่ เกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินเดีย และเวียดนาม เป็นต้น 

เมื่อพิจารณาทั้ง 3 ปัจจัยรวมกันจะเห็นได้ว่าเมื่อตลาดกังวล Recession ทำให้ระดับราคาหุ้นปรับลดลงมาบน Valuation ที่ถูกลงหากอัตรากำไรยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม อีกทั้งแนวโน้มขาลงของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่แน่ชัดว่าจะลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ก.ย. เป็นต้นไปมากนักยิ่งช่วยให้ EYG ของตลาดหุ้นทั่วโลกสูงขึ้น เท่ากับว่าจะช่วยให้ผลตอบแทนของหุ้นมีความน่าสนใจลงทุนมาขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนตราสารหนี้ น่าจะเป็นจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนที่สำคัญและรับผลตอบแทนที่ดีหลังจากตลาดคลายความกังวลทางเศรษฐกิจที่เกินจริงไปในช่วงเวลานี้

 

ภาพที่ 1: นักวิเคราะห์ยังปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนหลายประเทศเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

1723774295711
Source: Bloomberg, TISCO Wealth Advisory

 

บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ

CFP® Wealth Manager 

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า