ทิสโก้คาด ปี 66 ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนชนะหุ้น

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1667369690386

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดปี 2566 ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่าหุ้น เพราะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง เงินเฟ้อยังสูง ธนาคารกลางยังเดินหน้าดึงสภาพคล่องจากระบบแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นจนใกล้จุดสูงสุดแล้ว แนะเข้าซื้อรับอัตราผลตอบแทน 4% สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU)  เปิดเผยว่า ในปี 2566 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า นโยบายการเงินยังอยู่ในโหมดเข้มงวด ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ในขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงและยังมีความเสี่ยงหลายด้าน  

ด้านนโยบายการเงินยังนับว่าอยู่ในโหมดเข้มงวด แม้ดอกเบี้ยยังอยู่ในขาขึ้น แต่ก็ใกล้จุดสูงสุดแล้ว ธนาคารกลางส่วนใหญ่น่าจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อดูสถานการณ์ก่อน ในขณะที่การดูดสภาพคล่องออกจากระบบยังดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี

ส่วนเงินเฟ้อ คาดว่า ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และจะเริ่มลดลงชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังน่าจะทรงตัวอยู่เกินกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางยังต้องคงดอกเบี้ยสูงและไม่สามารถกลับมาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้แม้เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงต่อ เนื่องจากผลของเงินเฟ้อสูงที่กดดันการบริโภค รวมถึงผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีนี้ ซึ่งกดดันภาคการลงทุน ในขณะที่การขาดแคลนพลังงานในยุโรป และนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มงวดของจีน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตา

นายคมศรกล่าวว่า ในภาวะเช่นนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้น ในขณะที่ความเสี่ยงยังต่ำกว่ามาก โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มอง Bond Yield สหรัฐฯ ที่ระดับ 4% ในปัจจุบันนั้นเป็นให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และได้สะท้อนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปมากแล้ว และหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยไปหยุดที่ 5% ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้าตามคาด Bond Yield น่าจะทรงตัวอยู่ระดับใกล้เคียง 4% ในช่วงปลายปีนี้ ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงในปีหน้าตามการทยอยลดลงของอัตราเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า 

ในขณะที่ตลาดหุ้นแม้จะปรับฐานลงมามากกว่า 20% จากจุดสูงสุด แต่ Valuation ยังนับว่าไม่ได้ถูก โดยค่า P/E ของดัชนี S&P 500 ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 15 เท่า ซึ่งนับว่ายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในช่วงปี 2003 – 2014 ที่ 14 เท่า ก่อนที่ภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่ำจะดันให้ตลาดขึ้นมาเทรดที่ค่าเฉลี่ย P/E 18 เท่าในช่วงปี 2015 – 2021 นอกจากนั้น หากเทียบกับจุดต่ำสุดของตลาดหมี (Bear Market) ในอดีตที่ P/E เฉลี่ย 13 เท่า ตลาดหุ้นก็อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงได้อีก หากมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ

จากประเด็นข้างต้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้จึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและยังมีความเสี่ยงหลายด้าน 

“ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ขาลงของตลาดหุ้นยังไม่สิ้นสุดจาก Valuation ที่แพง และแรงกดดันจากการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการบริษัท แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจปรับลดลงจำกัด จากสถานะการถือครองของผู้เล่นในตลาดหลายประเภทที่มีหุ้นในสัดส่วนน้อย ขณะที่ตราสารหนี้มีความน่าสนใจลงทุนมากกว่าหุ้น จากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอยู่ในระดับที่สูงมาก โดย Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ยืนอยู่ที่ระดับ 4% สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะสูงสุดที่ราว 4% และมีแนวโน้มที่จะลดลง (ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น) ตามแนวโน้มเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในพันธบัตร ” นายคมศรกล่าว 

บทความล่าสุด

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>

แจกทริกตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ปังไม่พังตั้งแต่ต้นปี

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนมักตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงเรื่องการเงิน เช่น การออมเงิน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายเหล่านี้มักไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ข้อมูลจาก Forbes พบว่ากว่า 80% ของการตั้งเป้าหมายช่วงปีใหม่มักล้มเหลวภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดการวางแผนที่ดี และการลงมือทำที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ถ้ารู้จักหลัก S.M.A.R.T. รวมถึงเพิ่ม 3 ทริกที่จะเพิ่มโอกาสความสำเร็จของเป้าหมาย

อ่านต่อ >>

ญี่ปุ่น ฟื้นจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อ สร้างภูมิต้านทานสงครามการค้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2025 พร้อมกับการพลิกจากภาวะเงินฝืดสู่ภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ผลกระทบจากประเด็นการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสจะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีและมีความแข็งแกร่งในปี 2025 นี้

อ่านต่อ >>

ธ.ทิสโก้ เปิด 3 กลุ่มสินทรัพย์ โอกาสสร้างกำไรทะยาน ! ปี 68

Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ คาดนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุน 3 กลุ่มสินทรัพย์ราคาทะยาน ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย บริการการสื่อสาร และกลุ่มสถาบันการเงิน 2. กลุ่มประเทศที่ราคาหุ้นขึ้นช่วงสงครามการค้า คือ อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น และ 3. กลุ่มสินทรัพย์ได้ประโยชน์จากนโยบายการเงิน – การคลัง คือ ตราสารหนี้ รีท และทองคำ พร้อมชี้ราคาหุ้นจีน น้ำมัน และพลังงานจ่อดิ่ง แนะหลีกเลี่ยงลงทุน

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า