พิเศษ สำหรับลูกค้า TISCO Wealth เพียงแสดงบัตร EDM (Electronic Direct Mail) หรือรายการส่วนลดแก่พนักงานก่อนใช้บริการ
หมุดหมายความอร่อยที่เหล่าบุฟเฟต์และซีฟู้ดเลิฟเวอร์ต้องไม่พลาดไปลิ้มลองในซัมเมอร์นี้ ก็คือ ห้องอาหาร เอเทรี่ยม (Atrium) โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ
ซึ่งยืนหนึ่งในเรื่องของบุฟเฟต์ซีฟู้ด ที่ยกขบวนมาแบบจัดเต็ม ทั้งกุ้งแม่น้ำเผาตัวโต ปูไข่เยิ้มสุดฟิน และอีกหลากหลายเมนูจากซีฟู้ดสดๆ ที่เหมือนยกทะเลมาไว้ที่นี่เลยทีเดียว เอเทรี่ยม ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ ประจำโรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ล็อบบี้ (ชั้น L) ภายในถูกตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัย เน้นใช้โทนสีเบจและสีน้ำตาลเข้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย เป็นกันเอง เหมือนกำลัง
ทานข้าวกับคนพิเศษในช่วงเวลาสำคัญ อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวางและแบ่งที่นั่งเป็นสัดส่วนไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งมีหลากหลายมุมให้เลือก ทั้งมุมที่ดูหรูหราเป็นส่วนตัวและมุมสบายๆ ริมผนังกระจกใสที่สามารถชมวิวเมืองได้อย่างเต็มตา โดยสามารถรองรับแขกได้กว่า 200 คน จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของการเว้นระยะห่าง
สำหรับไลน์บุฟเฟต์นั้น ถูกจัดวางไว้ให้เลือกชิมอย่างละลานตา มาเริ่มกันที่สเตชั่นแรกกับซีฟู้ดสดใหม่ ที่มีไฮไลต์ประจำซัมเมอร์นี้ ก็คือ ปูไข่ที่ส่งตรงจากฟาร์มปูไข่ ใน ต.คลองโคน สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นปูคัดพิเศษ เนื้อแน่น ไข่เยอะ ที่นำมานึ่งกับนมสดเพื่อเพิ่มความหวานชุ่มฉ่ำ และกุ้งแม่น้ำคัดขนาดพิเศษที่ส่งตรงจากอยุธยา ที่นำมาย่างบนเตาถ่านไม้ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งใช้เวลาเพียง 10 นาที เพื่อให้ได้กุ้งเผาเนื้อเด้ง มันเยิ้ม กลิ่นหอมชวนรับประทาน ระหว่างรอยังมีเมนูหอยหวานอบชีสและเนยกระเทียม ที่ใช้หอยหวานเนื้อแน่นจากสมุทรสงครามนำมาอบซอสเนยกระเทียมและมอสซาเรลล่าชีสให้ได้ลิ้มลอง รวมถึงเมนูหอยนางรมอบชีสและผักโขม ที่ใช้หอยนางรมสดตัวโตๆ จากสุราษฎร์ธานี นำมาราดด้วยซอสเนย ชีส ผักชีฝรั่ง และโรยด้วยเกล็ดขนมปัง แล้วนำเข้าอบจนสุกหอมกรุ่นพร้อมเสิร์ฟ นอกจากนี้ ยังมีซีฟู้ดออนไอซ์ที่ยกขบวนมาแท็กทีมความอร่อยแบบจัดเต็ม ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรมโคเรีย กุ้งขาว และกั้งกระดาน พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดจากมะนาวสดๆ รสจัดจ้าน อีกทั้งยังมีเมนูอีกมายมายให้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำทะเลน้ำข้น สปาเกตตี้ปูนิ่ม และซุปครีมข้นหอยลายทรัฟเฟิล ที่เสิร์ฟกันร้อนๆ เพื่อความอร่อยจัดเต็มทุกจาน
ถัดมาเป็นสเตชั่นอาหารไทย ซึ่งเป็นอีกสเตชั่นเด่นของห้องอาหารเอเทรี่ยมที่หลายคนชิมแล้วชื่นชอบ เพราะยังคงไว้ซึ่งรสชาติตามแบบฉบับไทยแท้ๆ โดยเริ่มเรียกน้ำย่อยกันด้วยเมนูข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู และหรุ่มไส้หมูกับกุ้ง จากนั้นมาต่อกันด้วยเมนูกับข้าวน่ารับประทานมายมาย อาทิ กุ้งผัดกระเทียม แกงเขียวหวาน หรือใครที่ชอบรสชาติจัดจ้าน ก็มียำกุ้งสด ยำปลาดุกฟู น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกกุ้ง ผัดพริกเนื้อ และยังมีข้าวซอยไก่ ขนมจีนซาวน้ำ ให้เลือกรับประทานเช่นกัน ซึ่งสเตชั่นอาหารไทยนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนเมนูในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน
ส่วนคนรักเนื้อและชีสต้องไม่พลาดสเตชั่นโคลต์คัตที่รวบรวมชีสหลากหลายชนิดมาพร้อมเครื่องเคียงกับเมนูเด่นจากเนื้อมากมาย อาทิ สเต๊กเนื้อวัววากิว พิคานยา ที่ใช้ส่วนเนื้อสุดฮิตที่ติดกับเนื้อส่วนสะโพก นำไปอบจนเป็นสีน้ำตาลแล้วเติมด้วยเนยกับโรสแมรี่สด เพิ่มรสชาติและความหอมละมุนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีซี่โครงหมูบาร์บีคิวแซลมอนรมควัน ซีฟู้ดโอการ์แตง และสลัดสูตรพิเศษซึ่งเป็นสูตรเดียวกันกับสเต๊กเฮ้าส์ชั้น 31 ของโรงแรมนั่นเอง ส่วนสเตชั่นอาหารญี่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้า มีทั้งซูชิและซาชิมิที่ทำสดใหม่หลากหลายหน้าให้เลือก รวมถึงเมนูเด็ดอย่างหัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว และความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมื้อบรันช์วันเสาร์ – วันอาทิตย์ ยังมีเมนูส่งตรงจากห้องอาหารจีนซิวเซียน ทั้งเมนูเป็ดปักกิ่งแสนอร่อยและหมูกรอบฮ่องกงมาให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย
ปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษ ด้วยของหวานละลายใจอย่างไอศกรีมกะทิและน้ำแข็งไสที่ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี แถมยังได้สนุกสนานกับการเลือกใส่หน้าต่างๆ ได้ตามใจชอบ สมทบความหวานด้วยกล้วยเชื่อมฉ่ำๆ ช็อกโกแลตทาร์ต ช็อกโกแลตฟาวเทน ขนมเค้กหลากรสชาติ เครปส้มหวานอมเปรี้ยวที่ทำสดตามออร์เดอร์ และผลไม้สดอีกนานาชนิด
ในช่วงซัมเมอร์นี้ ลองแวะมาคลายร้อน พร้อมอิ่มอร่อยจัดเต็มไปกับบุฟเฟต์อาหารทะเลสดๆ และอีกหลายหลายเมนูความอร่อยที่จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมาให้ได้เลือกชิมกันอย่างไม่รู้เบื่อ…และนี่คืออีกหนึ่งประสบการณ์ความสุขในช่วงหน้าร้อนของเหล่าบุฟเฟต์เลิฟเวอร์ที่ไม่ควรพลาด
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ
หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ
หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้