“สุโขทัย” เมืองเก่าสุดคลาสสิก ที่ไม่ได้มีแค่มรดกโลก สนุกครบรสประสบการณ์ท่องเที่ยว
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 68 | คอลัมน์ Going Away
เมื่อพูดถึง Tesla คุณผู้อ่าน TRUST Magazine อาจจะนึกถึงความเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าที่รังสรรค์นวัตกรรมการขับขี่สุดเจ๋งและดีไซน์ตัวรถที่ล้ำสมัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว Tesla มิได้เป็นเพียงแค่แบรนด์ที่ผลิตรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่พลังงานที่ยั่งยืนตามพันธกิจที่ Tesla ยึดมั่นมาโดยตลอด
ทว่า จุดเริ่มต้นของการที่จะขับเคลื่อนพันธกิจอันยิ่งใหญ่ของ Tesla นี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น Tesla จึงได้ริเริ่มการค้นคว้าวิจัยและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในชื่อ Roadster เมื่อปี ค.ศ. 2008 ตามมาด้วย Model S และ Model X ในปี ค.ศ. 2012 และ 2015 ตามลำดับ
สำหรับรุ่นที่ Tesla นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Model 3 และ Model Y ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Model S และ Model X ซึ่ง Model 3 เป็นรถไฟฟ้าทรงสปอร์ตซีดานที่มีรูปร่างโฉบเฉี่ยวและหรูหรา ในขณะที่ Model Y จะเป็นรถไฟฟ้าประเภท SUV ที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เหมาะกับครอบครัวขนาด 3-5 ท่าน สะดวกสบายในการขับขี่ รวมทั้งความจุพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย เหมาะกับและเข้ากันได้กับทุกไลฟ์สไตล์
จุดเด่นเพิ่มเติมของ Model 3 คือการปรับโฉมใหม่เมื่อเดือนตุลาคมในปีที่ผ่านมา มีการอัปเกรดใหม่ทั้งภายในและภายนอก เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบใหม่ ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ระบบเบาะนั่งหมุนเวียนอากาศคู่หน้า จอสัมผัสด้านหลังขนาด 8 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่เงียบขึ้น ทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Model 3 อัปเกรดใหม่ ที่รอให้คุณผู้อ่านได้มาสัมผัส
มาต่อกันที่ Model Y รถไฟฟ้ารูปทรง SUV ที่เป็นหนึ่งในรถที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลกในปีที่ผ่านมา มาพร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่จุได้มากถึง 2,158 ลิตร ระบบอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านอากาศหรือ OTA Update ระบบช่วยขับขี่ Autopilot สุดล้ำ ระบบควบคุมการใช้งานรถผ่านแอป Tesla และรองรับการติดตั้งที่นั่งเด็กเล็กมาตรฐาน ISOFIX ในเบาะที่นั่งตอนหลังอีกด้วย
รู้ไหมว่า…นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยานพาหนะแล้ว Tesla ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มองหาพลังงานทางเลือกมาทดแทนการใช้สอยพลังงานไฟฟ้าแบบดั้งเดิม อาทิ แผ่นโซลาร์เซลล์ Tesla Solar Roof ที่ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ประจำบ้านอย่าง Tesla Powerwall ที่จะคอยช่วยกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันและจ่ายไฟให้กับบ้านของคุณในตอนกลางคืน ทำให้สามารถใช้สอยพลังงานจากธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่าตลอดการใช้งาน
หรือเมื่อใดที่ไฟฟ้าส่วนกลางดับ คุณก็จะมีไฟฟ้าสำรองไว้ใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน และสำหรับลูกค้า Tesla ที่ติดตั้งเครื่องชาร์จติดผนังไว้ที่บ้านพร้อมกับอุปกรณ์สองอย่างตามที่กล่าวไปข้างต้น พวกเขาจะสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์ที่กักเก็บไว้มาใช้ชาร์จรถ Tesla ได้แบบครบวงจร ซึ่งทั้งหมดนี้เราเรียกว่า Tesla Ecosystem หรือระบบนิเวศของ Tesla นั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น Tesla ยังได้คิดค้นนวัตกรรมการชาร์จรถแขนงใหม่ “Tesla Supercharger” ระบบเครือข่ายการชาร์จสุดเร็วแรงที่สามารถจ่ายกำลังชาร์จให้กับรถ Tesla ได้สูงถึง 250 กิโลวัตต์ ที่แทบจะเรียกว่าปฏิวัติวงการการชาร์จรถไฟฟ้าไปเลยก็ว่าได้ วันนี้เครือข่าย Supercharger เปิดให้บริการสำหรับลูกค้า Tesla ทุกท่านแล้วมากกว่า 13 จุดทั่วประเทศ และจะขยายการให้บริการเครือข่ายการชาร์จดังกล่าวออกไปเรื่อย ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และเพื่อรองรับจำนวนลูกค้า Tesla ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายนี้ Tesla ยังให้ความสำคัญกับการขยายจำนวนศูนย์ซ่อมสีและตัวถังที่ได้รับการรับรองจาก Tesla หรือ Tesla Approved Body Shop ให้มากขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการหลังการขายที่รวดเร็วและทันใจสำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และยังมุ่งมั่นที่จะขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่องในปีนี้และในอนาคตอันใกล้
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร อีเวนต์ต่าง ๆ
ของ Tesla ประเทศไทย ผ่าน 3 ช่องทางนี้
LINE Official @teslath
Instagram @tesla_thailand
X @teslamotorsth
หากสนใจทดลองขับ สามารถโทรนัดหมายได้ที่ 1800-011-199